เมื่อวันที่ 13 ก.ค. นายนันทชัย ปัญญาสุรฤทธิ์ โฆษกสำนักงานประกันสังคม กล่าวชี้แจงโครงการเยียวยานายจ้าง และผู้ประกันตนมาตรา 33 ในกิจการที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐ ในพื้นที่ควบคุมสูงสุด และเข้มงวด (กรุงเทพฯ และปริมณฑล) ว่า ตามมาตรการของรัฐตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 25) ทำให้ผู้ประกันตนมาตรา 33 ต้องหยุดงานตามรัฐสั่ง ตั้งแต่วันที่ 28 มิ.ย.ถึง 27 ก.ค.64 ซึ่งสำนักงานประกันสังคม (สปส.) ได้จ่ายประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานเหตุสุดวิสัย แก่ผู้ประกันตนมาตรา 33 ที่ได้รับผลกระทบ ร้อยละ 50% เป็นเวลา 90 วัน โดยให้นายจ้างรับรองว่าผู้ประกันตนมาตรา 33 มีกี่คน หยุดตั้งแต่เมื่อใด ซึ่งผู้ประกันตนกลุ่มนี้ได้มีการส่งเงินสมทบตามกฎกระทรวง จึงเป็นสิทธิประโยชน์ที่เขาพึงได้รับ

สำหรับกรณีเงินเยียวยารัฐบาลที่ช่วยเหลือนายจ้างและผู้ประกันตน 4 ประเภทกิจการ ในเขตพื้นที่ 6 จังหวัด ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงที่ต้องหยุดงานตามคำสั่งรัฐฉบับดังกล่าว โดยนายจ้างจะได้รับเงินเยียวยาเท่ากับจำนวนผู้ประกันตนที่ขึ้นทะเบียนในสถานประกอบการแต่ให้ได้รับไม่เกิน 200 คน โดยจ่ายในอัตรา 3,000 บาท ต่อผู้ประกันตนหนึ่งคน และผู้ประกันตนสัญชาติไทยจะได้รับเงินเยียวยาในอัตรา 2,000 บาท ต่อคน และได้รับเพียงครั้งเดียว ซึ่ง สปส.จะพิจารณาจ่ายเงินให้ตามฐานข้อมูลการหยุดงานที่นายจ้างแจ้งเข้ามาในระบบ แต่หากไม่อยู่ในระบบประกันสังคมจะไม่สามารถตรวจสอบการหยุดงานตามคำสั่ง ศบค. ได้ จึงไม่สามารถจ่ายเงินในส่วนนี้ได้

ทั้งนี้ในส่วนของลูกจ้างที่ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนผู้ประกันตน นายจ้างก็สามารถขึ้นทะเบียนได้จนถึงวันที่ 30 ก.ค.64 และหากมีข้อสงสัยโทรฯ สอบถาม สายด่วน 1506.