ออกค้นหาจุดเปลี่ยนของชีวิตจนทุกคนต้องร้องว้าวเลยทีเดียวสำหรับสาว ซิลวี่-ภาวิดา มอริจจิ (SILVY) ที่หลายคนจะรู้จักเธอในฐานะนักร้องเวทีการประกวด แต่วันนี้เธอมาพร้อมกับลุคใหม่ที่มีความมั่นใจ และชีวิตของเธอไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดกว่าจะมาถึงวันนี้ได้ เธอต้องถูกสั่งให้สวย ให้ผอม และดูดี อยู่ในกรอบที่คนมาตีไว้ให้กับเธอ ซึ่งต้องเอาชนะอุปสรรคมากมายขนาดไหน โดยเฉพาะการที่ใครๆ พยายามให้เธอเป็นคนที่ไม่ใช่ตัวเธอเอง จนวันนี้เธอได้กลายมาเป็นศิลปินเดี่ยวที่หลายคนชื่นชอบแล้ว ซึ่งสาวซิลวี่พูดทุกอย่างในรายการ WOODY HELP MEPLEASE แบบจัดเต็มทีเดียว

ซิลวี่ เผยว่า “เราเป็นเด็กใต้ เด็กต่างจังหวัด มีความใฝ่ฝันอยากจะเป็นศิลปิน ตระเวนประกวดตั้งแต่สมัยเด็กเลยค่ะ ได้ที่ 1 บ้าง บางรายการก็ไม่ได้อะไรเลย คือชอบในการที่จะพิสูจน์ว่าตัวเองมีดีในด้านของการร้องเพลง เพราะว่าเรารู้สึกว่าทำแล้วมีความสุข ในวันที่อายุ 15 ครบ ในรายการประกวดอันดับต้นๆ ของเมืองไทยสมัยนั้นเราอยากทำได้บ้าง อยากโชว์ว่าเรามีดีอะไรติดหนึ่งในแปดคนสุดท้าย คือเราก็ยังเด็กด้วยยังไม่รู้ว่าเราต้องการอะไร ไม่มีตัวตนที่ชัดเจน แต่แน่นอนรู้สึกได้เลยตั้งแต่แรกที่เข้าไปว่าเก่งอย่างเดียวไม่น่าจะพอ สูญเสียความมั่นใจไปเยอะมากกับลุคและคาแรกเตอร์ต่างๆ ที่เราโดนกดดันจากหลายๆ ทิศทาง พอมาเจอสปอตไลต์และคอมเมนต์ต่างๆ ทางโซเชียล รวมถึงผู้ใหญ่อีกหลายๆ คนในวงการ เช่น คำพูดที่กระทบใจเราที่สุดก็คือมีทางออกเดียวคือต้องผอม เพื่อที่จะอยู่ให้ได้ ได้งานใดงานหนึ่งในวงการ ยอมรับเลยว่าเสียใจมากๆ เหมือนคำสั่งหมายศาลเลยว่าถ้าผอมได้งานนี้แน่นอนคอนเฟิร์ม สุดท้ายก็ลองลดน้ำหนัก ลดได้แค่จาก 80 เหลือ 60 ก็ไม่ได้อยู่ดี มันก็ฝังอยู่ในหัวเราว่าต้องผอมถึงจะมีคนชอบ ถึงจะอยู่ในวงการนี้ได้”

“ความเชื่อในวันนั้นยอมรับเลยว่ามีผลต่อความฝันและความมั่นใจสุดๆ คือเราเป็นเด็ก เรามีความฝัน มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น มีเบื้องลึกและอะไรเยอะแยะมากมาย ทั้งอิมเมจที่ต้องรักษา เป็นเด็กห้าวก็ต้องเก็บเอาไว้ ต้องเป็นสาวหวานเรียบร้อยเพื่อที่จะได้มีผู้ใหญ่รัก มันแค่เป็นเรื่องราวที่ทำให้เรามีทุกวันนี้ได้ หนูเลยรู้สึกว่ามันน่าจะเป็นอิมแพ็คหนึ่งที่อยู่ในใจ อยากบอกว่าอนาคตยังมีอีกหลาย Activity สุดๆ ที่เราสามารถเลือกและเราสามารถสู้ต่อได้ แต่ ณ วันนั้นคิดว่ามันคือทุกอย่าง หนูแบกมันไว้ กดดันเหลือเกิน ถ้าทำตรงนี้ไม่ได้ ฉันจะไม่ได้เป็นอีกแล้ว กว่าที่หนูจะมาเป็นศิลปิน Warner Music Asia ได้ ก็หาทางในช่วงที่จังหวะที่โซเชียลมีเดียมันมีผลมากๆ นักร้องใต้ดินไม่ต้องมีค่ายก็ได้ สามารถทำเพลงให้ทุกคนรู้จักได้ มันคือหน้าที่ของเราที่จะสู้เพื่อความฝันตัวเอง เพราะฉะนั้นก็ทำต่อไป”

“พอหนูหลุดออกมารู้สึกว่า ลองเป็นแบบนั้นแล้วอึดอัดอยู่ดี โดนด่าอยู่ดี และก็ยังโดนคอมเม้นต์อยู่ดี พยายามอย่างเต็มที่มากๆ แต่ไม่โดนยอมรับอยู่ดี เพราะฉะนั้นก็ไม่เอาแล้ว รู้สึกว่างั้นหลังจากนี้จะทำสิ่งที่ตัวเองอยากทำเท่านั้น แล้วถึงแม้ว่าทำแบบนั้นแล้วจะโดนด่าอยู่ดี I Feel Happy แต่ไม่อยากให้คนมา Just ทั้งๆ ที่ไม่ได้เป็นตัวของตัวเองเลย ถึงแม้ฉันจะอ้วนแต่เต้นได้ขนาดนี้ ฉันแข็งแรง สามารถออกมาเฉิดฉายในความ XL ได้ ฉัน Happy แบบนี้ เรื่องความสวยความงามทำแล้วมั่นใจขึ้นทำเลย ความสวยเท่ากับความมั่นใจ ถ้าเรามั่นใจที่จะทำก็ทำ มั่นใจแบบไหนทำ มั่นใจที่จะแต่งตัวโป๊ก็จะแต่ง มั่นใจที่จะแต่งตัวเรียบร้อยก็จะแต่ง ทุกอย่างอยู่ที่ความมั่นใจ ถ้าคุณมีความมั่นใจคุณก็จะสวยเอง มีคนถามประโยคนี้บ่อยมาก หนูไม่มั่นใจทำยังไงดีคะ หนูจะตอบว่าแก้ผ้าหน้ากระจกค่ะ (หัวเราะ) หนูจะบอกให้ทุกคนไปแก้ผ้าหน้ากระจกแล้วมองตัวเองให้ชัดๆ เราต้องยอมรับตัวเองให้ได้แล้วก็เห็นก่อนว่าตัวเองคืออะไร เห็น ยอมรับ เข้าใจ เรียนรู้ เปลี่ยนแปลง”

ซิลวี่ เล่าต่อว่า “เคล็ดลับที่จะทำให้ตัวเองมั่นใจ คือคุณแม่เข้าใจแล้วก็เปิดใจ รักเราในแบบที่เราเป็น เขาจะคอยอยู่เคียงข้างตลอด หนูกับแม่ผ่าน Up & Down มาเยอะมากอย่างก่อนหน้านี่หนูเคยมีช่วงที่หลงผิด เกเร ไม่เรียน ปาร์ตี้ติดเหล้า ติดเพื่อน ติดยา มาหมด แต่หนูไปเจอจุดหนึ่งว่ามันเป็นความสุขจอมปลอม เพราะหลังจากนั้นเราต้องใช้มันเรื่อยๆ นั่นคืออีกหนึ่งอย่างที่ทำให้รู้สึกว่าไม่ได้แล้ว เรากำลังทำสิ่งไม่ดี เรากำลังทำร้ายคนที่เรารัก ทำร้ายตัวเอง เราควรกลับมาได้แล้ว อย่างแรกเลยรู้สึกสบายใจ แล้วก็สนุก ได้เป็นตัวของตัวเอง ไม่ได้มีกรอบอะไรให้กับตัวเองมาก เราก็แค่ชัดเจนว่าเราอยากได้อะไร กล้านำเสนอสิ่งต่างๆ แล้วพอเป็นสิ่งที่เราคิดและเราอยากที่จะทำก็สบายใจขึ้นสนุกขึ้น รู้สึกดีใจที่คนเปิดรับ ณ วันนี้ เพราะหนูรู้ว่าสิ่งที่ทำค่อนข้างจะไม่อยู่ในกรอบ มันแหวกออกมาเยอะมาก แต่ก็ดีใจที่หลายๆ คน รอสิ่งนี้อยู่เหมือนกัน เหมือนเขาแค่รอคนมาเปิดที่หนูกล้าทำอะไรแบบนี้เพราะก็รู้ว่าในโลกมีความหลากหลาย แต่ที่นี่มันยังไม่มีคนเปิด หนูก็ดีใจที่เป็น Movement ตรงนี้”

“เรื่องความรักเป็นความรักดีๆ การสนันสนุนกันและกัน ช่วยเหลือกัน เขาเป็นสิ่งที่เราไม่มี มีความคิดในตัวเขาเหมือนกัน ต่างคนต่างช่วยกันและกัน แข่งกันแซ่บ (หัวเราะ) สนับสนุนให้ทำสิ่งที่ชอบ ส่วนคอมเม้นท์ที่ไม่ดีเกี่ยวกับความรักเราไม่คิดว่าเป็นปัญหา รู้สึกว่าถ้ายิ่งเข้าไปอ่าน เข้าไปใส่ใจ มันจะมีผลต่อใจ แล้วจะทำให้ทุกอย่างยิ่งแย่ เพราะฉะนั้นปัจจุบันมันดีอยู่แล้ว จะไปยุ่งอะไรกับใครคนอื่นที่เขาจะมาคอมเมนต์บ้าอะไรเกี่ยวกับเรา มันก็คือสิ่งที่เราเลือก คนที่เราเลือกที่จะใช้ชีวิตอยู่ ถ้าเราทั้งคู่แฮปปี้ จบ”