สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงบันดาร์เสรีเบกาวัน ประเทศบรูไน เมื่อวันที่ 28 ต.ค.ว่าการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก ซึ่งเป็นการหารือร่วมกันระหว่างสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) กับสหรัฐ รัสเซีย จีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น อินเดีย ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ เกิดขึ้นเมื่อวันพุธที่ผ่านมา โดยมีบรูไนเป็นเจ้าภาพ ในฐานะประธานประจำปีนี้ และเป็นการหารือแบบออนไลน์


ทั้งนี้ ในช่วงหนึ่งของการหารือ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน กล่าวว่า สหรัฐพร้อมยืนหยัดเคียงข้างอาเซียน ในการปกป้อง “เสรีภาพในการลาดตระเวน” ในทะเลจีนใต้ และการรักษาคุณค่าของประชาธิปไตย ตลอดจนสิทธิมนุษยชน และหลักนิติธรรม ขณะเดียวกัน ผู้นำสหรัฐกล่าวถึงสถานการณ์ด้านความมั่นคงในช่องแคบไต้หวัน ว่าความตึงเครียดที่กำลังเกิดขึ้น เป็นผลจากการ “ข่มขู่กรรโชก” ของจีน


ขณะที่นายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง ซึ่งเข้าร่วมการประชุมด้วย กล่าวว่า รัฐบาลปักกิ่งยึดมั่นและส่งเสริมการสร้างสันติภาพ เสถียรภาพ เสรีภาพในการเดินเรือและการลาดตระเวนทางอากาศในทะเลจีนใต้ “ซึ่งเป็นผลประโยชน์ร่วมกันของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง” อย่างไรก็ตาม “ทะเลจีนใต้คือบ้านของเรา”


ด้านประธานาธิบดีโจโค วิโดโด ผู้นำอินโดนีเซีย กล่าวว่า ไม่ต้องการให้ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นสมรภูมิแห่งใหม่ของการแข่งขันด้านอาวุธ และการช่วงชิงอำนาจระหว่างประเทศมหาอำนาจ ซึ่งจะส่งผลต่อเสถียรภาพของกลุ่มประเทศแถบนี้ และแสดงความกังวลต่อกลุ่ม “ออคัส” ที่เป็นความร่วมมือด้านความมั่นคงระหว่างสหรัฐ กับสหราชอาณาจักรและออสเตรเลีย


นายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสัน กล่าวว่า การเข้าร่วมออคัสไม่เปลี่ยนจุดยืนของรัฐบาลแคนเบอร์รา ในด้านความร่วมมือในมิติความมั่นคงกับอาเซียน แต่ยิ่งเป็นการส่งเสริมและสนับสนุน พร้อมทั้งยืนยันว่า ออสเตรเลียยึดมั่นต่อสนธิสัญญาไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ (เอ็นพีที) และสนธิสัญญาเขตปลอดอาวุธนิวเคลียร์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้


นอกจากนี้ มอร์ริสันประกาศร่วมสนับสนุนการดำเนินงานด้านความมั่นคง สาธารณสุข และสภาพอากาศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นวงเงิน 93 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3,100.11 ล้านบาท).

เครดิตภาพ : AP