เชื่อว่าเกม “แดงเดือด” เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา คงจบลงแบบเหนือความคาดหมายของใครหลาย ๆ คน

อาจไม่เหนือความคาดหมายในเรื่องผลการแข่งขัน รูปเกม แต่ที่เหนือความคาดหมายคือเรื่องของสกอร์ ที่ ลิเวอร์พูล บุกถล่มอริตลอดกาลอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อย่างขาดลอยกว่าที่คิดถึง 5-0

ก่อนเกมก็ถูกมองว่าเหนือกว่าอยู่แล้ว ยิ่งได้ 2 ประตูขึ้นนำ 2-0 รวดเร็วตั้งแต่ 13 นาทีแรก ทุกอย่างก็เหมือนจบ ยิ่งมาได้ 2 ประตูเพิ่มช่วงท้ายหนีเป็น 4-0 หลังจบ 45 นาทีแรก “ผีแดง” เจ้าถิ่นก็เหมือนปลาที่ถูกทุบหัวแต่หางยังดิ้น คือโอกาสรอดชีวิตแบไม่เหลือแล้ว

ถ้าจะมีบทสรุปสั้น ๆ สำหรับเกมนี้ของ “หงส์แดง” ก็คงต้องบอกว่าทุกอย่างมัน “เป๊ะ” ไปหมด ทั้งฟอร์มการเล่น การวางแทคติกของ เจอร์เกน คลอปป์ สถานการณ์ในเกม แม้กระทั่งเรื่องของโชคชะตาก็ยังเข้าทางพวกเขา

สิ่งเดียวที่น่ากังวลจากเกมนี้คือเรื่องของอาการบาดเจ็บ ที่ต้องเสีย เจมส์ มิลเนอร์ ไปตั้งแต่ต้นเกม แถมในครึ่งหลัง นาบี เกอิตา โดน ปอล ป็อกบา เสียบจนต้องหามออกไปอีกราย ก็หวังว่าอาการบาดเจ็บคงจะไม่รุนแรงจนเกินไป

เรื่องของการวิเคราะห์ใด ๆ จากเกมนี้ น่าจะเป็นเรื่องของฝั่ง แมนฯ ยูไนเต็ด เสียมากกว่าว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา ส่วนเหล่า “เดอะ ค็อป” แล้ว ทุกอย่างเป็นไปตามเป้า ดังนั้น จึงขอเอาสถิติน่าสนใจจากเกมนี้มาตอกย้ำความชื่นมื่นกันเสียหน่อยดีกว่า

เข้าเรื่องมันดื้อ ๆ อย่างนี้แหละ…

– ครั้งเดียวที่ แมนฯ ยูไนเต็ด แพ้ ลิเวอร์พูล ยับเยินกว่านี้ คือเกมแพ้ 1-7 ในเกมที่แอนฟิลด์ เมื่อปี 1895 หรือ 126 ปีที่แล้ว แต่ถ้าเป็นเกมในบ้าน นี่คือเกมที่ “ผรแดง” แพ้ “หงส์แดง” ขาดลอยที่สุดในประวัติศาสตร์

– ลิเวอร์พูล เป็นทีมที่ 2 ในประวัติศาสตร์ลีกสูงสุดแดนผู้ดี ที่ยิงในเกมเยือนถึง 5 ประตูโดยไม่เสียเลยสักลูกเดียวได้ 2 เกมติดต่อกัน หลังเกมลีกนัดก่อนหน้านี้ก็เพิ่งบุกสอย วัตฟอร์ด มา 5-0 โดยทีมเดียวก่อนหน้านี้ก็คือ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ทำได้เมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงมีนาคม ปี 1960

– แมนฯ ยูไนเต็ด แพ้คาบ้านโดยโดนยิงถึง 5 ลูก และยิงคืนไม่ได้เลยสักลูกเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่แพ้ แมนฯ ซิตี คาบ้าน 0-5 เมื่อปี 1955 ในยุคที่ เซอร์ แมตต์ บัสบี ยังเป็นกุนซือ

– ลิเวอร์พูล ยิงไปแล้ว 19 ประตูจากเกมเยือน 5 นัดแรกของพรีเมียร์ลีกซีซั่นนี้ โดยในประวัติศาสตร์ลีกสูงสุดของอังกฤษก่อนหน้านี้ มีแค่ 2 ทีมที่ยิงได้มากกว่า คือ แมนฯ ซิตี ในซีซั่น 2011-12 และแมนฯ ยูไนเต็ด ซีซั่น 1907-08 โดยทั้งคู่ทำได้ 20 ประตู

– แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตามหลังคู่แข่งถึง 0-4 หลังจบครึ่งแรก เป็นครั้งแรกในการเล่นในพรีเมียร์ลีก

– ประตู 1-0 ของ นาบี เกอิตา หลังผ่านไปแค่ 4 นาที 42 วินาที คือประตูที่เร็วที่สุดที่ ลิเวอร์พูล ยิงได้ที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด ในเกมพรีเมียร์ลีก

– ถ้านับเฉพาะในลีก โม ซาลาห์ ยิงประตูติดต่อกันมา 7 นัดแล้ว โดยที่ผ่านมามีแค่ แดเนียล สเตอร์ริดจ์ เท่านั้น ที่เป็นนักเตะ “หงส์แดง” ที่ยิงในลีกติดต่อกันได้มากกว่า โดยเจ้าตัวยิง 8 นัดติดในลีก ระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2013 ถึงกุมภาพันธ์ 2014

– โม ซาลาห์ เป็นนักเตะ ลิเวอร์พูล คนแรกในประวัติศาสตร์ ที่ยิงประตูในเกมเยือน โอลด์ แทรฟฟอร์ด ได้ 3 นัดติดต่อกัน

– สถิติของ ซาลาห์ ในเกมนี้ คือสัมผัสบอล 59 ครั้ง สัมผัสบอลในกรอบเขตโทษคู่แข่ง 6 ครั้ง สร้างโอกาสยิงประตู 2 ครั้ง ทำแอสซิสต์เป็นลูกที่ 5 ในเกมลีกฤดูกาลนี้ ได้โอกาสยิง 7 ครั้ง เข้ากรอบ 4 ครั้ง ได้ 3 ประตู ทำแฮตทริกให้ ลิเวอร์พูล เป็นครั้งที่ 4 และยิง 16 ประตูจาก 12 เกมในทุกรายการซีซั่นนี้

– ซาลาห์ เป็นนักเตะคนแรกที่บุกยิงแฮตทริกใส่ แมนฯ ยูไนเต็ด ถึงถิ่นในเกมลีก ต่อจาก เดนนิส เบลีย์ ของ คิวพีอาร์ ที่ทำไว้เมื่อวันปีใหม่ของปี 1992

– 3 ประตูในเกมนี้ ทำให้ ซาลาห์ ยิงในพรีเมียร์ลีกไปแล้ว 106 ประตู แซง ดิดิเยร์ ดร็อกบา ที่ทำไว้ 104 ลูก ขึ้นครองตำแหน่งนักเตะแอฟริกันที่ยิงในลีกสูงสุดแดนผู้ดีมากสุดเรียบร้อย

– นอกจากนี้ ดาวเตะทีมชาติอียิปต์ ยังเป็นนักเตะทีมเยือนที่ทำแฮตทริกได้ที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด เป็นคนแรกในรอบ 18 ปี โดยคนล่าสุดก่อนหน้านี้คือ โรนัลโด (อ้วน) ที่ยิง 3 ดอกเน้น ๆ ใส่ “ผีแดง” ถึงถิ่น ในเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อเดือนเมษายน 2003

– ใบแดงของ ปอล ป็อกบา เป็นใบแดงที่ 17 ที่เกิดขึ้นในเกมพรีเมียร์ลีกนัด “แดงเดือด” โดยมีแค่เกม “เมอร์ซีย์ไซด์ ดาร์บีแมตช์” ระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ เอฟเวอร์ตัน เท่านั้น ที่มีการไล่ออกมากกว่า โดยมีทั้งหมด 22 ครั้ง

– ป็อกบา คือตัวสำรองคนที่ 3 ที่โดนไล่ออกในเกมพรีเมียร์ลีกนัด “แดงเดือด” ถัดจาก ลุค แชดวิค เมื่อปี 2000 และ สตีเวน เจอร์ราร์ด เมื่อปี 2015

– ลิเวอร์พูล เป็นทีมแรกที่มีนักเตะยิงแฮตทริกใส่แมนฯ ยูไนเต็ด ได้มากกว่า 1 คนในเกมพรีเมียร์ลีก โดยก่อนหน้า ซาลาห์ ในเกมนี้ อีกคนของ “หงส์แดง” ที่ซัดแฮตทริกใส่ “ผีแดง” ในเกมพรีเมียร์ลีกคือ เดิร์ค เคาท์

– ลิเวอร์พูล ยิงประตูในเกมเยือน แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ 4 ลูกขึ้นไปทั้งหมด 5 ครั้งจากการมาเยือน 97 เกม และในจำนวน 5 ครั้งนั้น 2 ครั้งเกิดขึ้นในปี 2021 นี้เอง

– เจอร์เกน คลอปป์ กลายเป็นผู้จัดการทีมลิเวอร์พูล คนแรกในประวัติศาสตร์ ที่คุมทีมไม่แพ้ แมนฯ ยูไนเต็ด ในเกมลีกได้ถึง 7 นัดติดต่อกัน