การเมืองไทยวันนี้วนกลับมาเหมือนสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ คือมีการปลุกกระแสเรื่องขอบเขตรัฐชาติขึ้นมาโจมตีรัฐบาล ในครั้งรัฐบาลนายกฯมาร์คพูดถึงเขาพระวิหาร รัฐบาล “นายกฯอิ๊งค์” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร มีปัญหาเรื่องเขตพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล ที่มีการขีดเส้นแบ่งทั้งไทยและกัมพูชาคนละเส้นกัน ทำให้ต้องมีการตกลงการขุดเจาะเชื้อเพลิงฟอสซิลในบริเวณดังกล่าว ซึ่งเมื่อเป็น MOU จึงยังเป็นกรอบเจรจาหลวมๆ
วันที่ 4 พ.ย. “นายกฯอิ๊งค์” เรียกแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลหารือที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเสร็จภารกิจ นายกฯแถลง ว่า MOU44 ไม่เกี่ยวกับเกาะกูด และเกาะกูดไม่ได้อยู่ใน MOU แต่พูดคุยเกี่ยวกับที่ดินในทะเลว่า สัดส่วนใครขีดเส้นอย่างไร เพราะในเอ็มโอยูขีดเส้นไม่เหมือนกัน หากจะเกิดอะไรขึ้นจะมีข้อตกลงอะไรเราต้องมีคณะทำงานขึ้นมาพูดคุยกัน คือคณะกรรมการร่วมด้านเทคนิค (JTC) ไทย-กัมพูชา รัฐบาลนี้อยู่ระหว่างจัดตั้งคณะกรรมการชุดดังกล่าวอยู่ ดำเนินการมาประมาณ 1 เดือนแล้ว เมื่อเสร็จแล้วจะได้ศึกษาและพูดคุยกันว่าระหว่าง 2 ประเทศตกลงกันอย่างไร
“เราไม่ได้ยอมรับการขีดเส้นอะไรของกัมพูชา เราต้องแก้ไขปัญหาร่วมกันทั้ง 2 ประเทศ ตั้งแต่ปี 2515 กัมพูชาขีดเส้นมาก่อน ต่อมาปี 2516 เราขีดเส้นด้วย แม้จะขีดเหมือนกันแต่ข้อตกลงข้างในไม่เหมือนกัน จึงทำ MOU ขึ้นมา และเปิดการเจรจาให้ทั้ง 2 ประเทศตกลงกันว่าจะเป็นอย่างไร ย้ำว่าเราไม่เสียเกาะกูดไม่ต้องกังวล เรื่อง MOU ในสมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ปี พ.ศ. 2557 มีมติ ครม.ว่า ไม่มีการยกเลิก ยกเลิกแล้วได้อะไร เราต้องคุยกัน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาระหว่างประเทศ ถ้ายกเลิกฝ่ายเดียวโดนฟ้องร้องจากกัมพูชาแน่นอน” นายกฯ กล่าว
นายกฯ อิ๊งค์ ย้ำว่า อย่าเอาการเมืองมากระเทือนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เราจะเดินหน้า MOU ต่อ ขอรอตั้งคณะกรรมการร่วมด้านเทคนิค (JTC) ไทย-กัมพูชา ที่จะไปศึกษาและพูดคุย ซึ่งกระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงพลังงาน จะมาช่วยกัน “ดิฉันเป็นคนไทย 100% ประเทศไทยต้องมาก่อน คนไทยต้องมาก่อนรัฐบาลนี้ยืนยันจะรักษาแผ่นดินไทยไว้อย่างเต็มที่ และจะทำให้พี่น้องประชาชนมีความสุขที่สุด”
ข้าง “บิ๊กอ้วน”ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.กลาโหม ค่อนข้างหัวเสียกับเรื่องนี้ ย้ำว่าไม่มีการยกเลิก MOU44 สมัยรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยืนยันเกาะกูดยังเป็นของไทยแน่นอน เพราะตามสนธิสัญญาฝรั่งเศสเป็นของไทย ไม่เข้าใจว่าการจุดกระแสเรื่องเกาะกูดขึ้นมา มีวัตถุประสงค์ใด ปัญหาอยู่ที่เส้นแบ่งเขตแดนที่เข้าไปอยู่ตามรอยหยักของเกาะ แต่ประโยชน์ตรงนั้นก็เป็นของเราอยู่แล้ว จึงไม่เข้าใจเจตนาของคนที่มาเคลื่อนไหว ยืนยันเรื่องนี้ยังไม่มีการหารือกับรัฐบาล “จะไปยกเลิก MOU ได้อย่างไรเมื่อมันยังไม่เริ่ม เกาะกูดก็เป็นของไทยอยู่แล้วจะให้ยกเลิกอะไร ที่เคลื่อนไหวเพราะจะหาประเด็นหรืออย่างไร หรือมีประเด็นใดที่อยากให้แก้ปัญหาก็อยากให้พูดให้ชัดเจน”
“เสี่ยหนู”อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย กล่าวว่า ได้ไปสืบหาข้อมูลต่างๆ มาแล้ว ยืนยันว่าเกาะกูดเป็นของไทย มีประชาชนอยู่ที่นั่น และได้รับการยกฐานะเป็นอำเภอหนึ่งของ จ.ตราด มีพระบรมราชโองการสมัยรัชกาลที่ 5 และมีข้อมูลจากบันทึกต่าง ๆ ซึ่งทุกฝ่ายยอมรับว่าเป็นของไทย
เรื่องที่มีประเด็นความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ถ้าปลุกปั่นแล้วมันจะไปไกลเกินกว่าควบคุม ก็ขอให้อย่าเอาเรื่องแบบนี้มาเล่นการเมือง รัฐบาลก็ต้องชี้แจง ประชาชนก็ต้องมีสติในการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร
อีกเรื่องที่ตามจองเวรนายกฯอิ๊งค์อยู่ คือการที่ฝ่ายต่างๆ จะสอบสวนกรณี “นักโทษเทวดา” หรืออดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร ที่อยู่โรงพยาบาลตำรวจชั้น 14 ยาวนานจนไม่ถูกจำคุกในเรือนจำสักวัน ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามนายกฯอิ๊งค์ ถึงข่าวที่ว่า ป.ป.ช.ขอเวชชระเบียนการรักษาตัวของอดีตนายกฯทักษิณ จากโรงพยาบาลตำรวจไปถึง 3 ครั้ง แต่ไม่ได้รับ เรื่องนี้ นายกฯอิ๊งค์ ปฏิเสธตอบคำถามดังกล่าว บอกเพียงว่า “เดี๋ยวเจอกันพรุ่งนี้นะ”
“บิ๊กตู่ใหญ่” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร จะเชิญไปให้ข้อมูลกรณีการพักรักษาตัวของนายทักษิณ ชินวัตร ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ เนื่องจาก“บิ๊กตู่ใหญ่”บอกว่า เคยขึ้นไปหาอดีตนายกฯ ทักษิณ แต่พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ บอกว่าจะไม่ให้ข้อมูลต่อ กมธ.เพราะส่งหลักฐานให้ ป.ป.ช.ไปหมดแล้ว หากอยากได้ข้อมูลเวชระเบียนประวัติการรักษาตัวของนายทักษิณที่โรงพยาบาลตำรวจ ก็ให้ไปขอ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หรือนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.กลาโหม ถ้าไม่ให้ก็ให้เอาผิดทั้ง 2 คนไปด้วย
“ผมเคยโทร ไปถาม พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร. ยอมรับว่า เคยได้รับนัดหมายไปพบนายทักษิณที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ดังนั้น หากป.ป.ช.เรียกไปให้ข้อมูล พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ก็พร้อมจะไปตามที่ป.ป.ช.เรียก” บิ๊กตู่ใหญ่กล่าว ขณะที่
“บิ๊กต่าย”พล.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผบ.ตร.กล่าวว่า การจะให้ข้อมูลเวชระเบียน อำนาจสิทธิ์ขาดขึ้นอยู่กับคณะกรรมการของโรงพยาบาลตำรวจจะพิจารณา ไม่ต้องขอความเห็นจาก ผบ.ตร.
แบบนี้น่าจะแทงหวยรอได้ ว่า “ไม่ได้ประวัติหรอก เพราะเวชระเบียน อาการ เป็นเรื่องส่วนตัวของผู้ป่วยที่ได้รับการคุ้มครองไม่ให้เปิดเผย ตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล”
สำหรับความชัดเจนเรื่องประชามติ แก้ไขรัฐธรรมนูญก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้ามาก แต่สัญญาณจากพรรคภูมิใจไทยน่าจะเป็นตัวแปร “สส.นก”นายไชยชนก ชิดชอบ สส.บุรีรัมย์ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีที่ นายนิกร จำนง ประธานกรรมการยุทธศาสตร์พรรคชาติไทยพัฒนา ออกมาระบุว่า รัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะไม่ทันการเลือกตั้งครั้งหน้าว่า ทันหรือไม่ทัน ไม่ใช่ประเด็น แต่สำคัญคือการมีกระบวนการที่ถูกต้อง หากมีการผิดพลาดขึ้นมา จะไม่มีใครสามารถรับผิดชอบได้ มองว่าเวลานี้ควรออกมาพูดกันว่าอะไรที่เป็นปัญหาจริงๆ ในการพัฒนาและขับเคลื่อนประเทศในการดูแลประชาชน ตอนนี้ได้ยินแต่ให้แก้รัฐธรรมนูญ แก้ทั้งหมด แต่ไม่ค่อยได้ยินคนพูดว่าแก้ตรงไหน
ที่ต้องสนใจท่าทีของพรรคภูมิใจไทย เพราะมีเสียง สส.พอที่จะเป็นตัวแปรสำคัญ เช่น จากเดิมที่รัฐบาลจะแก้รัฐธรรมนูญรายมาตรา เมื่อภูมิใจไทยถอยก็ต้องถอย ขณะที่เสียง สว.ชุดปัจจุบันก็ถูกมองว่า อยู่ขั้วภูมิใจไทย การแก้ไขกฎหมายอะไร หลายคนจึงจับจ้องมาที่พรรคนี้เป็นพิเศษ เมื่อระดับ “ลูกเนวิน” พูดทำนองว่า “จะให้แก้ตรงไหนที่เป็นปัญหาประเทศ” ก็น่าสงสัยว่า เรื่องแก้รัฐธรรมนูญอาจไม่เสร็จในรัฐบาลนี้
ด้าน “สส.ไอติม”นายพริษฐ์ วัชรสินธุ จากพรรคประชาชน กล่าวถึงกรณีที่นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เห็นว่าควรทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญ 2 ครั้งว่า พรรค ปชน.และพรรคเพื่อไทย เห็นตรงกันมานานแล้ว เพียงแต่ที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลยื่นเรื่องไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อขยายความให้เกิดความชัดเจนขึ้นว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ 4/2564 หมายถึงจำนวนการทำประชามติทั้งหมดกี่ครั้ง เมื่อศาลรัฐธรรมนูญไม่รับเรื่องดังกล่าวไปวินิจฉัย จึงทำให้ประธานสภาอาจวินิจฉัยว่า ต้องทำประชามติ 3 ครั้ง
“เราต้องมาคิดกันว่าจะทำอย่างไร ให้แผนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่อาศัยการทำประชามติ 2 ครั้ง เกิดขึ้นได้ ในส่วนการยกร่างรัฐธรรมนูญ ยังมี 3 ล็อก หรือ 3 บุคคลสำคัญ ที่ต้องเข้าไปหารือ คือ 1.ประธานรัฐสภา เพื่อขอให้บรรจุร่างดังกล่าวลงระเบียบวาระ 2.นายกรัฐมนตรี ในฐานะที่เป็นหัวหน้ารัฐบาล เพื่อทำให้สมาชิกรัฐสภาลงมติเห็นชอบ และ 3.ศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อขอให้ขยายความให้ทุกฝ่ายเข้าใจตรงกัน และเดินตามแนวทางดังกล่าว ผมส่งหนังสือ เพื่อขอเข้าพบกับ 3 บุคคลดังกล่าวแล้ว เพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้ทันกับการเลือกตั้งครั้งถัดไป”
สส.ไอติมยังย้ำว่า เรื่องนี้เป็นสัญญาประชาคมที่พรรครัฐบาลและฝ่ายค้านเคยสัญญาไว้
“ทีมข่าวการเมือง”