เมื่อวันที่ 4 พ.ย. ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง ผศ.วุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ รักษาการอธิการบดีมหาวิทยารามคำแหง แถลงข่าวปมการสอบของนักการเมืองรายหนึ่งที่ก่อนหน้านี้มหาวิทยาลัยตั้งคณะกรรมการหลายชุดตรวจสอบเรื่องการส่งคนอื่นมาเรียนและสอบแทน ก่อนที่คณะกรรมการบริหารงานมหาวิทยาลัย (ก.บ.ม.ร.) มีมติให้ยุติเรื่องในปี 2565

ผศ.วุฒิศักดิ์ ระบุว่า หลังจากที่ได้รับการร้องเรียนเรื่องของนักการเมืองรายนี้ในสมัยที่ตนเป็นรักษาการอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงในปี 2564 ขณะนั้นได้สั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงขึ้นมาชุดหนึ่ง ซึ่งผลการสอบสวนของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงชุดดังกล่าว พบหลักฐานว่า มีบุคคลเข้ามานั่งสอบและเซ็นชื่อแทนนักการเมืองรายดังกล่าวหลายครั้ง ก่อนที่คณะกรรมการชุดนี้จะเสนอเรื่องต่อไปที่ คณะกรรมการบริหารงานมหาวิทยาลัย (ก.บ.ม.ร.) ที่สอบสวนต่อในยุคของอธิการบดีอีกคนหนึ่ง จนกระทั่งต่อมามีมติ ก.บ.ม.ร. สั่งยุติเรื่องไปในยุคของอธิการบดีคนดังกล่าว

ผศ.วุฒิศักดิ์ ระบุว่า ตนทราบสาเหตุการยุติเรื่องของ ก.บ.ม.ร. ชุดดังกล่าว ส่วนตัวมองว่าฟังไม่ขึ้น เนื่องจากคนที่ไปสอบแทน อ้างว่าได้มาเข้าสอบในวันดังกล่าวจริง แต่ไม่ใช่การสอบแทนนักการเมืองรายดังกล่าว แต่คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงชุดแรกมีหลักฐานชัดเจน

ผศ.วุฒิศักดิ์ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันที่ตนเองกลับมารับตำแหน่งอธิการบดี จึงจะสั่งให้มีการตรวจสอบการสั่งยุติสอบเรื่องดังกล่าวว่าเป็นยุติเรื่องโดยชอบหรือไม่ หากยุติเรื่องมิชอบ จะส่งให้ที่ประชุมผู้บริหารพิจารณาดำเนินการต่อไป พร้อมยืนยันว่าการรื้อเรื่องนี้ขึ้นมาใหม่ ไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองในมหาวิทยาลัย ตนยังมีความรักความผูกพันกับอดีตอธิการบดี แม้จะมีเรื่องฟ้องร้องกันไปมาหลายเรื่อง เรื่องการกลั่นแกล้ง ไม่มีอยู่ในใจเลย

ทั้งนี้ในระหว่างการแถลงข่าว ปรากฎว่ามีนายธีรศานต์ แก้วสง ทนายความของนาย ส. มาร่วมฟังการแถลงข่าวด้วย โดยภายหลังฟังการแถลงข่าวแล้วเสร็จนั้นนายธีรศานต์ ออกมาให้สัมภาษณ์สื่อ ยืนยันว่า นาย ส.ไม่เคยใช้ใครให้ไปเรียนหรือสอบแทน โดยการเรียนดังกล่าว ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของหลักสูตรปริญญาเอก แต่เป็นการเรียนในสถาบันภาษา เพื่อให้ได้ประกาศนียบัตร ซึ่งต้องใช้ในการรับรองการจบปริญญาเอกตามหลักเกณฑ์ของมหาวิทยาลัย

นายธีรศานต์ ยอมรับว่า ในช่วงเวลาที่มีการสอบสวน นาย ส. จ่ายเงินเพื่อเข้าอบรมภาษา แต่ไม่ได้เข้าเรียนและเข้าสอบ เนื่องจากติดภารกิจ แต่ต่อมา ก็ลงเรียนครั้งที่ 2 ซึ่งรอบนี้มาเรียนจริงจนได้ประกาศนียบัตรมายื่นต่อมหาวิทยาลัย ส่วนที่รักษาการอธิการบดีฯ บอกว่ามีหลักฐานชัดว่ามีคนอื่นเข้ามาสอบและเซ็นชื่อแทนนาย ส. นายธีรศานต์ ยืนยันว่า นาย ส.ไม่รู้จักบุคคลดังกล่าว และไม่ได้ใช้บุคคลดังกล่าวให้เข้าไปสอบแทน

นายธีรศานต์ กล่าวอีกว่า การที่บุคคลดังกล่าวเข้าไปสอบ ได้เซ็นชื่อแทนนาย ส. หรือไม่ ทนายความตอบว่า เป็นเรื่องภายในสำนวน ไม่สามารถเปิดเผยได้ ส่วนการลงชื่อแทนนาย ส. บุคคลดังกล่าวได้ประโยชน์อะไร ทนายความบอกว่า “ผมก็ไม่รู้”

นายธีรศานต์ กล่าวทิ้งท้ายว่า การมาในวันนี้เพื่อมารับฟังว่ามหาวิทยาลัยจะเปิดหลักฐานอะไร เพราะตอนแรกบอกว่ามีหลักฐานเด็ด แต่สุดท้ายก็ไม่เห็นมีหลักฐานอะไร ซึ่งหากมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนและรื้อเรื่องนี้ขึ้นมาจริง ตนเองเตรียมพิจารณาดำเนินคดีกับทางมหาวิทยาลัย เพราะมองว่าไม่มีอำนาจในการรื้อเรื่องที่จบไปแล้วขึ้นมาใหม่