เมื่อช่วงสายวันที่ 2 พ.ย. 67 พนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน ได้นำสำนวนสอบสวน พร้อมความเห็นควรสั่งฟ้อง นายจารุเวศ หรือเต้ย พงษ์ฉวี อายุ 28 ปี ผู้ต้องหาคดีทำร้ายร่างกาย นายธรรมราช สาระปัญญา หรือทนายธรรมราช ผู้เสียหาย ข้อหา ผู้ใดทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย หรือจิตใจของผู้อื่นนั้นตาม ป.อาญา ม.295 ระหว่างที่นายธรรมราช แถลงข่าวดำเนินคดี “อาจารย์เบียร์ คนตื่นธรรม” ข้อหาเหยียดหยามศาสนา ตาม ป.อาญา ม.206 ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) เมื่อวันที่ 1 พ.ย. ที่ผ่านมา ให้พนักงานอัยการฝ่ายคดีศาลแขวง 1 พิจารณา

โดยชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ

ต่อมาเวลา 11.32 น. พนักงานอัยการฝ่ายคดีศาลแขวง 1 พิจารณาสำนวนแล้วได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายจารุเวศ เป็นจำเลยต่อศาลแขวงพระนครเหนือ ศูนย์ราชการฯ ถนนแจ้งวัฒนะ

ขณะเดียวกันนายธรรมราช ผู้เสียหายเดินทางมาศาล พร้อมกับยื่นคำร้องขอเรียกค่าสินไหมทดแทนจากจำเลย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 44/1 ให้จำเลย ยื่นภายใน 15 วัน

ศาลสอบจำเลยเรื่องทนายความแล้ว จำเลยแถลงว่า จำเลยมีทนายความและแต่งทนายความเข้ามาแล้ว ปรากฏตามใบแต่งทนายความของจำเลยลงวันที่วันนี้

จากนั้นศาลอ่านและอธิบายฟ้องให้จำเลยฟังอีกครั้งหนึ่ง หลังจากจำเลยแต่งทนายความเข้ามาแล้ว และอธิบายคำร้องค่าเสียหายที่ผู้เสียหายได้ยื่นเข้ามาให้จำเลยฟัง

จำเลยขอให้การรับสารภาพในส่วนคดีอาญา ปรากฏตามคำให้การจำเลยฉบับลงวันที่วันนี้ รับเป็นคำให้การของจำเลย ส่วนค่าสินไหมทดแทนนั้น จำเลยประสงค์จะยื่นคำให้การต่อสู้คดี จึงเห็นควรให้จำเลยยื่นคำให้การต่อสู้คดีภายใน 15 วันนับแต่วันนี้ หากไม่ยื่นภายในกำหนดถือว่าไม่ติดใจ

ส่วนคดีอาญา พนักงานอัยการโจทก์ และจำเลยแถลงไม่ติดใจสืบพยาน แต่เนื่องจากยังมีเรื่องค่าสินไหมทดแทนในส่วนแพ่ง และจำเลยยังไม่ได้ยื่นคำให้การต่อศาล และจำเลยเพิ่งได้รับคำร้องเรียกค่าสินไหมทดแทนในวันนี้ จึงเห็นควรให้โอกาสจำเลยยื่นคำให้การต่อศาลภายใน 15 วัน จึงให้เลื่อนไปนัดพร้อมเพื่อสอบคู่ความในส่วนของพยานหลักฐานที่จะนำมาสืบในเรื่องค่าเสียหายอีกครั้งหนึ่งในวันที่ 25 พ.ย. เวลา 09.00 น.

ส่วนความผิดทางอาญานั้น ไว้รอมีคำพิพากษาพร้อมกัน และเห็นควรให้หมายขังจำเลยไว้ในระหว่างพิจารณา

ทั้งนี้ จำเลยได้ยื่นคำร้องขอประกันตัว ผู้เสียหายยื่นคัดค้านการประกันตัว ซึ่งศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้จำเลยได้ประกันตัวไประหว่างพิจารณา

ขณะที่นายธรรมราช ได้เดินทางมายังศาลพร้อมเปิดเผยว่า มาในฐานะโจทก์ร่วม ซึ่งตนสันนิษฐานเหตุที่เกิดขึ้นมีผู้อยู่เบื้องหลังอย่างแน่นอน เพราะตนและผู้ต้องหาไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ส่วนที่ผู้ต้องหาอ้างว่า ตนไปดูหมิ่นศาสนาอิสลามนั้น ไม่เป็นความจริง อาจจะฟังรายละเอียดไม่ครบถ้วน จึงเกิดความเข้าใจผิด

อย่างไรก็ตาม ทนายธรรมราช ยอมรับว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทําให้ตนสั่งซื้ออาวุธปืนจากสวัสดิการของสภาทนายความฯ นั้นจริง เพื่อใช้ป้องกันตัวเอง พร้อมยืนยันจะดําเนินคดี ไม่มีการยอมความ และจะยื่นฟ้องเพ่งเรียกค่าเสียหายหลักแสน เนื่องจากได้รับบาดเจ็บบริเวณอวัยวะสําคัญ.