เมื่อวันที่ 2 พ.ย. 67 นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังหารือกับนายอิชิอิ เคตะ (Ishii Keita) ประธานหอการค้าและอุตสาหกรรมญี่ปุ่น และคณะผู้บริหารบริษัทชั้นนำของญี่ปุ่น ได้แก่ ITOCHU Cooperation, Kawasaki Heavy Industries (Thailand) Co., Ltd., Sumitomo Corporation Thailand Ltd., Knowledge Creation Technology Co., Ltd., Japan Airlines Co., Ltd. และ Toyota Tsusho (Thailand) Co., Ltd. ว่าเป็นครั้งแรกที่ทั้งสองฝ่ายได้พบหารือกันหลังจากที่ได้เข้ารับตำแหน่ง โดยเน้นย้ำว่าไทยและญี่ปุ่นมีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าที่ดีมาอย่างยาวนาน ลึกซึ้งอย่างต่อเนื่อง โดยญี่ปุ่นเป็นคู่ค้าที่สำคัญของไทยมาโดยตลอด
นอกจากนี้ ญี่ปุ่นถือเป็นประเทศพันธมิตรทางการค้าที่สำคัญของไทยมีการลงทุนสะสมในไทยมากเป็นอันดับ 1 คิดเป็นสัดส่วนการลงทุน 1 ใน 4 ของการลงทุนจากต่างประเทศทั้งหมด มีบริษัทญี่ปุ่นลงทุนในไทยเกือบ 6,000 บริษัท หลังการลงทุนจากญี่ปุ่นจางหายไปช่วงระยะเวลากว่า 10 ปี จนกระทั่งได้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
พร้อมทั้งชักชวนนักลงทุนญี่ปุ่นมาลงทุนธุรกิจ เป็นฐานการผลิตในห่วงโซ่อุปทานอุตสาหกรรมสมัยใหม่ของญี่ปุ่น เช่น แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ (PCB) ธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ ดิจิทัล AI ซึ่งรัฐบาลไทยพร้อมส่งเสริมการลงทุนจากญี่ปุ่น โดยไทยมีศักยภาพการผลิตชิ้นส่วนที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงได้ นอกจากนี้ ไทยยังมีความพร้อมที่จะเป็นศูนย์กลางความมั่งคงทางอาหาร (Food Security Hub) โดยเป็นคลังสินค้าและส่งออกอาหารให้ทุกประเทศที่ต้องการ รวมถึงญี่ปุ่น สอดคล้องกับนโยบายบริษัทชั้นนำของญี่ปุ่นที่เข้าพบหารือในวันนี้
โดยผู้บริหารบริษัทชั้นนำของญี่ปุ่นได้แสดงความพร้อมในสนับสนุนภาคเอกชนของญี่ปุ่น ให้เข้ามาลงทุนในสาขาเหล่านี้ในไทยเพิ่มขึ้น รวมถึงสาขาอื่นๆ ที่อยู่ในแผนการขยายการลงทุนในไทยของคณะฯ เช่น ไฮโดรเจน พลังงานสีเขียว ธุรกิจบริการ ด้วยเช่นกัน โดยฝ่ายญี่ปุ่นได้แสดงความตั้งใจที่จะขยายการลงทุนให้กลับมาเป็นผู้นำในการลงทุนในไทยอีกครั้ง
ทั้งนี้ หอการค้าและอุตสาหกรรมญี่ปุ่น (Japan Chamber of Commerce and Industry: JCCI) เป็นองค์กรทางเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น ประกอบด้วยสภาท้องถิ่น 515 แห่ง มีจำนวนสมาชิกทั่วโลกกว่า 1.25 ล้านราย ตั้งแต่บริษัทขนาดใหญ่ไปจนถึงขนาดเล็กและขนาดกลาง คิดเป็น 1 ใน 3 ของบริษัททั้งหมดในญี่ปุ่น โดยญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในพันธมิตรทางการค้าที่สำคัญยิ่งของไทย ด้วยขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก และเป็นคู่ค้าอันดับ 3 ของไทย
ในปี 2566 ไทยและญี่ปุ่นมีมูลค่าการค้าระหว่างกัน 55,861 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แบ่งเป็นการส่งออกจากไทยไปญี่ปุ่น 24,670 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญของไทย ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ไก่แปรรูป เครื่องจักร แผงวงจรไฟฟ้า และการนำเข้าของไทยจากญี่ปุ่นมูลค่า 31,191 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทางด้านสินค้านำเข้าสำคัญของไทย ได้แก่ เครื่องจักรกล เหล็ก เคมีภัณฑ์ แผงวงจรไฟฟ้า