สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 2 พ.ย. ว่า กระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้ออกแถลงการณ์ ขึ้นบัญชีดำพลเมืองเกาหลีเหนือ 11 คน หนึ่งในนั้นคือ นายโช ชอล-มิน นักการทูตประจำสถานเอกอัครราชทูตเกาหลีเหนือในกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ฐานมีความเกี่ยวข้องกับการจัดหาส่วนประกอบสำหรับขีปนาวุธนำวิถี และ “สินค้าใช้ได้สองทาง” อีกหลายประเภท


ขณะเดียวกัน แถลงการณ์ระบุเกี่ยวกับการขึ้นบัญชีดำบริษัทอีก 4 แห่ง ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการส่งแรงงานชาวเกาหลีเหนือออกไปทำงานในต่างประเทศ ที่เป็นหนึ่งในช่องทางสร้างรายได้เข้าสู่รัฐบาลเปียงยาง ของนายคิม จอง-อึน ผู้นำสูงสุดคนปัจจุบันของเกาหลีเหนือ


ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของเกาหลีใต้เกิดขึ้น หลังเกาหลีเหนือประกาศความสำเร็จ การทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีป (ไอซีบีเอ็ม) รุ่นล่าสุด “ฮวาซอง-19” เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีเชื้อเพลิงแข็ง ซึ่งยิงง่ายกว่าเครื่องยนต์หลายแบบ แต่ตรวจจับและทำลายได้ยากกว่า โดยรัฐบาลเปียงยางกล่าวว่า “เป็นขีปนาวุธนำวิถีซึ่งทรงพลังที่สุด”

เกาหลีเหนือกล่าวว่า การทดสอบครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับ “นโยบายการป้องปรามด้านนิวเคลียร์” ของประเทศ และ “เป็นการส่งสัญญาณไปยังบรรดาปรปักษ์” ให้ได้ประจักษ์ถึง “ขีดความสามารถในการตอบโต้” ด้านนิวเคลียร์


ส่วนข้อมูลข่าวกรองของเกาหลีใต้ระบุเพิ่มเติมว่า เกาหลีเหนือยิงไอซีบีเอ็มลูกนี้ในลักษณะวิถีโค้ง ซึ่งขีปนาวุธเคลื่อนที่อยู่ในอากาศได้นานประมาณ 86 นาที เดินทางได้ไกลเป็นระยะทางราว 1,000 กิโลเมตร ที่ระดับความสูงประมาณ 7,000 กิโลเมตร จากฐานยิงในกรุงเปียงยาง และตกลงในทะเลตะวันออกหรือทะเลญี่ปุ่น อย่างไรก็ตาม หากยิงในมุมปกติ ไอซีบีเอ็มลูกดังกล่าว สามารถเดินทางได้ไกลถึงแผ่นดินใหญ่ของสหรัฐ.

เครดิตภาพ : AFP