เมื่อวันที่ 1 พ.ย. ที่บริเวณหน้ามุขศูนย์ราชการ จ.สระบุรี ได้มีชาวบ้านในเขต 3 ตำบล (ต.หนองปลาไหล ต.กุดนกเปล้า อ.เมืองสระบุรี) และ ต.ห้วยแห้ง อ.แก่งคอย ที่ได้รับความเดือดร้อนจากโรงงานแห่งหนึ่งที่ลักลอบปล่อยน้ำเสียลงแหล่งน้ำส่งผลทำให้น้ำเน่าเสีย ส่งกลิ่นเหม็น สร้างความเดือดร้อนรำคาญให้กับชาวบ้านมาเป็นเวลานานมาแล้ว จึงพากันรวมตัวเขียนป้ายข้อความต่างๆ ตักน้ำบรรจุขวด พร้อมเอกสาร แผนที่ ภาพถ่ายดาวเทียมจุดพบน้ำเสียฯ บัญชีรายชื่อชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนเรียกร้องให้ผู้ว่าราชการ จ.สระบุรีช่วยเหลือ โดยมีฝ่ายความมั่นคง เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสระบุรี คอยดูแล
ต่อมามีนายวิรุฬห์ สิทธิวงศ์ รองผู้ว่าราชการ จ.สระบุรี และนายตรีพงษ์ กสันทปุระ อุตสาหกรรม จ.สระบุรี ลงมารับเรื่องร้องทุกข์จากชาวบ้าน ซึ่งมีนายประสงศ์ เกษมเนตร ทนายความ จากสำนักงาน (ภาชีรีสอร์ท) พ.ต.อ.เรืองฤทธิ์ มาลีการ เป็นตัวแทนชาวบ้านยื่นข้อเรียกร้องดังกล่าว
โดยข้อร้องเรียนระบุว่า ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากน้ำเน่าเสียที่ชะล้างลงมาจากโรงงานสถานประกอบการแห่งหนึ่งต้องสงสัยว่าเป็นแหล่งก่อให้เกิดมลพิษ โดยล่าสุด เมื่อวันที่ 24 ต.ค. 2567 เวลา 21.30 น. ที่บริเวณลำคลองสาธารณะข้างสถานประกอบการแห่งนั้น ในเขต ต.หนองปลาไหล อ.เมือง จ.สระบุรี พบน้ำเสียลักษณะสีดำ มีกลิ่นเน่าเหม็น มีทิศทางไหลลงมาจากสถานประกอบการต้องสงสัยตามหลักฐานที่ส่งมาด้วย และน้ำเน่าเสียดังกล่าวได้ไหลมารวมกันที่บริเวณแก้มลิงข้างโรงงานขนมจีนบ้านผัก หมู่ 2 บ้านโนนสภาราม และไหลไปที่คลองพวง หมู่ 5 บ้านทุ่งสาลิกา ต.กุดนกเปล้า อ.เมืองสระบุรี ก่อนไหลไปลงที่คลองห้วยจระเข้ ด้านข้างโรงเรียนสวนกุหลาบ ต.ปากข้าวสาร อ.เมืองสระบุรี และไหลต่อไปลงสู่อ่างเก็บน้ำชลประทานคลองเพรียว ที่ติดกับ “ศูนย์ราชการ” จ.สระบุรี จากนั้นถูกระบายลงสู่แม่น้ำป่าสักต่อไป ส่งผลให้น้ำเน่าเสียก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพ คุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชน เศรษฐกิจ สังคม และปัญหาอื่นๆ เป็นวงกว้าง
ประชาชนไม่สามารถใช้น้ำอุปโภคบริโภคได้ กระทบแหล่งน้ำดิบสำหรับการประปาเทศบาลเมืองสระบุรี เกษตรกร ชาวไร่ ชาวนา ชาวสวน ไม่สามารถนำน้ำมาใช้ทางการเกษตรได้ รวมถึงเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ โค กระบือ และสัตว์ปีก ฯลฯ จากปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นมาเป็นระยะเวลายาวนานเป็นความทุกข์ของชาวสระบุรีมาโดยตลอด ดูเหมือนเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะพยายามแก้ไขปัญหาแต่ก็ทำไม่สำเร็จ ยังคงปล่อยให้สถานประกอบการที่เป็นแหล่งที่ก่อให้เกิดมลพิษสร้างปัญหาต่างๆ ย่ำยีสิ่งแวดล้อมได้ตามอำเภอใจ ขาดความสนใจ ใส่ใจและจริงใจในการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม ดังนั้นเพื่อให้ปัญหาดังกล่าวได้เข้าสู่กระบวนการแก้ไขอย่างเป็นระบบ และมีประสิทธิภาพ ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจึงรวบรวมรายชื่อกันเรียกร้องให้ ผู้ว่าราชการ จ.สระบุรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนโดยด่วนด้วย
หลังรับเรื่องราวร้องทุกข์จากตัวแทนชาวบ้านแล้ว นายตรีพงษ์ กลันทปุระ อุตสาหกรรม จ.สระบุรี กล่าวว่า จากนี้ จ.สระบุรี จะได้ตั้งคณะกรรมการจากหลายๆ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ อุตสาหกรรม เกษตร ชลประทาน และตัวแทนชาวบ้านเข้ามาเป็นคณะกรรมการร่วมหาทางดำเนินการแก้ไข เรียนตามตรงว่าปัญหานี้เกิดจากลำน้ำ แต่จำเป็นต้องดูว่าเกิดจากแหล่งไหนกันแน่ แต่กรรมการชุดนี้จะมาวิเคราะห์กันว่าปัญหานี้เกิดจากอะไร แล้วจึงให้หน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวข้องกับปัญหานั้นเข้าไปจัดการ
ส่วนนายประสงศ์ เกษมเนตร กล่าวว่า ตนในฐานะทนายความได้รับทราบความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนชาว จ.สระบุรี เรื่องเกี่ยวกับน้ำเสีย น้ำเน่า ลงในสายน้ำในเขต กุดนกเปล้า ห้วยแห้ง ลงแม่น้ำป่าสัก ถึงเสาไห้ ตนได้มีการบินโดรนดูแล้วรู้ว่าสาเหตุเกิดจากอะไร จึงอาสาพาพี่น้องชาวสระบุรี มาร้องเรียนขอความเป็นธรรมจากหน่วยราชการให้ตรวจสอบเพื่อแก้ไขปัญหาให้ชาว จ.สระบุรี เสียที มิเช่นนั้นจะเป็นเมืองท่องเที่ยวไม่ได้เลยหากยังคงปล่อยให้เป็นเช่นนี้
นายประสงศ์ กล่าวอีกว่า เรื่องนี้ตนได้หยิบยกนำเอาคำพิพากษาชั้นต้นที่ชาวบ้าน 124 คน เคยฟ้องผู้ประกอบการรายนี้เป็นคดี (แพ่ง) คดีดำ ที่ 4906/53 และ เลขแดง ที่ 2403 ซึ่งศาลพิพากษาให้ชาวบ้านชนะ ให้ชดใช้ค่าเสียหายแก่ชาวบ้านคนละ 1 แสนบาท และให้มีการแก้ไขปรับปรุงเรื่อง “น้ำเสีย” หากยังไม่มีการแก้ไขและพบการกระทำความผิดจะสั่งระงับการดำเนินกิจการ ซึ่งหลังจากนี้ตนจะนำเรื่องนี้ขึ้นสู่ศาลปกครองให้พิจารณาต่อไป.