เมื่อวันที่ 1 พ.ย. พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยว่า วันนี้คณะพนักงานสอบสวนได้ประชุมหารือในเรื่องของการเตรียมแจ้งข้อหาเพิ่มเติมกับกลุ่มผู้ต้องหาบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด จำนวน 18 ราย ในความผิดฐาน พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 และข้อหาอื่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานและรอเสนอความเห็นต่อสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เกี่ยวกับคดีแชร์ลูกโซ่ เพราะเป็นผู้วิเคราะห์องค์ประกอบต่าง ๆ เช่น ประเด็นผลประโยชน์ตอบแทน หรือวงจรธุรกิจ ส่วนการออกหมายจับผู้กระทำความผิดในลอตที่ 2 นั้น ขณะนี้คณะพนักงานสอบสวนมุ่งเน้นไปในเรื่องของการแจ้งข้อหาเพิ่มเติมกับผู้ต้องหากลุ่มแรกก่อน ซึ่งยังไม่สามารถระบุจำนวนที่แน่ชัดได้ว่าจะออกหมายจับผู้กระทำความผิดเพิ่มเติมกี่ราย
ด้าน นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ บอสพอล มีนัดหมายว่าภายหลังจากการให้ปากคำกับตำรวจกองปราบฯ เกี่ยวกับเรื่องคดีนักร้องเรียนสาวขู่กรรโชกทรัพย์ในช่วงเช้าเสร็จสิ้นแล้ว ในช่วงบ่ายวันเดียวกันจะเดินทางมายังกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ เพื่อมาหารือการนำพยานกว่า 2,000 ราย ของฝั่งบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ปฯ มาสอบปากคำและร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีเรื่องพยานเท็จกับนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ปรากฏว่าในช่วงเวลา 15.00 น. ทนายวิฑูรย์ได้แจ้งกับสื่อมวลชนว่า ในช่วงบ่ายวันนี้ได้ยกเลิกกำหนดการเดินทางมายังดีเอสไอแล้ว โดยได้เปลี่ยนกำหนดการเดินทางไปยังดีเอสไอเป็นวันจันทร์ที่ 4 พ.ย. 67 ทั้งนี้ เบื้องต้นจะให้พยานฝั่ง The Icon Group จำนวน 20 ปาก เดินทางมาสอบปากคำกับพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ตั้งแต่เวลา 10.00 น. ส่วนตนเองจะเดินทางตามมาสมทบในช่วงบ่ายแทน ซึ่งได้มีการแจ้งประสานงานกับทางดีเอสไอเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้ ยังมีรายงานข่าวว่า ทนายวิฑูรย์ ยังอยู่ในระหว่างการให้ปากคำกับตำรวจกองปราบฯ เกี่ยวกับคดีนักร้องเรียนสาวขู่กรรโชกทรัพย์ รวมทั้งแจ้งว่าจะให้ข้อมูลที่มีการกล่าวหาว่ามีตำรวจเรียกรับเงินจำนวน 9 ล้านบาทจากหนึ่งในกลุ่มผู้ต้องหา ซึ่งการให้ปากคำดังกล่าวนั้นยังไม่แล้วเสร็จ
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษ ยังได้เผยแพร่เอกสารข่าวแจกสื่อมวลชน ระบุใจความ ตามที่นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน และนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ในฐานะที่ปรึกษา รมว.มหาดไทย ได้นำบุคคลซึ่งเป็นแหล่งข่าวเข้าพบอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เมื่อวันที่ 16 ต.ค. 67 กรณีที่มีการให้ข่าวต่อสื่อสาธารณะเมื่อวันที่ 15 ต.ค. 67 ว่าตนมีข้อมูลการจ่ายสินบนเจ้าหน้าที่โดยมีเนื้อหาว่า น่าจะเป็นอดีตผู้บริหารระดับสูงในหน่วยงานของรัฐเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องรวมทั้งของกรมสอบสวนคดีพิเศษด้วยนั้น คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวได้เปิดเผยว่า พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้มีคำสั่งตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงฯ กรณีดังกล่าวแล้วตั้งแต่วันที่ 17 ต.ค. 67 เนื่องจากเป็นกรณีที่กระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชนและกระทบต่อความรู้สึกของเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษเอง ขณะนี้มีความคืบหน้าไปมาก โดยได้ทำการสอบปากคำนายเอกภพ และพยานที่นายเอกภพนำมา และนายวรัตน์พล หรือ บอสพอลแล้ว ประกอบกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ซึ่งเป็นหน่วยงานภายนอกก็ได้มีการสอบสวนกรณีดังกล่าวด้วย ซึ่งหากพบว่ามีมูลตามที่ร้องเรียนมาจะดำเนินการตามกฎหมายและตามระเบียบอย่างแน่นอน ในขณะเดียวกันหากไม่มีมูลความจริง คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงจะมีความเห็นเสนออธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษให้ดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ให้ข่าวอย่างแน่นอน.