เมื่อวันที่ 1 พ.ย. 2567 รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์ โดยระบุว่า เกิดอะไรขึ้นภูเขาฟูจิไม่มีหิมะเลย เป็นครั้งแรกในรอบ 130 ปี

อาจจะได้ยินข่าวกันมาบ้างแล้วมั้งครับว่าปีนี้ ภูเขาฟูจิ ของประเทศญี่ปุ่นมีความผิดปรกติไป คือไม่มีหิมะปกคลุมอยู่บนยอดเขาเหมือนทุกปี ที่มักจะตกกันมาตั้งแต่เดือนก่อน แต่จนถึงวันนี้วันที่ 1 พฤศจิกายนแล้วก็ยังไม่มีหิมะตกบนเขาฟูจิ

ปรกติแล้วภูเขาฟูจิจะเป็นที่รู้จักกันดีถึงความสวยงาม อันเนื่องจากการมีหิมะปกคลุมบริเวณยอดเขาเป็นส่วนใหญ่เกือบทั้งปี โดยมักจะเริ่มต้นเห็นยอดหิมะนี้ ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ประมาณสัปดาห์แรกของเดือนตุลาคม (โดยเฉลี่ยคือวันที่ 2 ตุลาคม) โดยเมื่อปีที่แล้วนั้นพบหิมะตกบนยอดเขาครั้งแรก ในวันที่ 5 ตุลาคม

ยอดของภูเขาฟูจินั้น สูง 3,776 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล และก็มักจะสูญเสียหิมะไปในบางช่วงเวลาของปี โดยเฉพาะในฤดูร้อน ที่อุณหภูมิเฉลี่ยของฮอกไกโดนั้น จะลงไปต่ำว่า 0 องศาเซลเซียสได้ก็ต่อเมื่ออยู่ระดับสูงกว่า 4 พันเมตรขึ้นไป

แต่ปีนี้หิมะมาล่าช้าไปมาก และสำนักงานอุตุนิยมวิทยาท้องถิ่นโกฟุ (Kofu Local Meteorological Office) ก็ยังไม่ได้ประกาศถึงการตกของหิมะในปีนี้ แต่อย่างไรซึ่งทำให้หลายต่อหลายคนแปลกใจ เนื่องจากหมดฤดูกาลที่นักท่องเที่ยวจะไปเดินปีนเขากันตั้งแต่เดือนกันยายนแล้ว

โดยคุณโยทากะ คัตซึตะ Yutaka Katsuta นักพยากรณ์อากาศของสำนักงานอุตุนิยมวิทยาท้องถิ่นโกฟุ ได้อธิบายว่าสภาพอากาศที่อบอุ่น เป็นสาเหตุที่ทำให้หิมะไม่ตกลงบนยอดเขาที่สูงที่สุดในประเทศญี่ปุ่นนี้ ซึ่งนี่เลยทำให้เป็นครั้งแรกที่เกิดปรากฏการณ์ไม่มีหิมะบนฟูจิ ตั้งแต่มีการเก็บข้อมูลกันมาในปี ค.ศ. 1894 และการทิ้งช่วงล่าช้าของหิมะตกนี้ ก็ทำลายสถิติที่เคยเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 2016 ที่หิมะเริ่มต้น (แต่ล่าช้า) ในวันที่ 26 ตุลาคม

ตามคำอธิบายของคุณคัตซึตะ บอกว่าอุณหภูมิของญี่ปุ่นนั้นขึ้นสูงในช่วงฤดูร้อน ปี 2024 ที่ผ่านมา โดยร้อนสูงสุดทำลายสถิติ (ใกล้เคียงกับที่อุณหภูมิสูงมากในปี 2023) และลากยาวนานมาจนถึงเดือนกันยายน เลยทำให้ไม่อากาศที่หนาวเย็นเพียงพอจะเกิดหิมะได้และเขายังบอกอีกว่า เป็นไปได้ว่าการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ (climate change) อาจจะส่งผลกระทบต่อความผิดปรกติของการเกิดหิมะบนยอดเขาฟูจิ

ส่วนคุณชินนิชิ ยานางิ Shinichi Yanagi เจ้าหน้าที่อีกคนของสำนักงาน ได้บอกตรงกันว่าที่ไม่มีหิมะตกนั้น เนื่องจากความจริงที่ว่า อุณหภูมิสูงของญี่ปุ่นนั้นต่อเนื่องยาวนานมาจากฤดูร้อน และทำให้เกิดฝนตกแทน

การที่ฤดูหนาวมาล่าช้าลง รวมถึงการที่หิมะบนยอดเขาฟูจิหายไป ทำให้เกิดความกังวลกันขึ้นกับสภาพแวดล้อมสภาพอากาศที่แปรปรวนของโลก และยังน่ากังวลต่อผลกระทบกับระบบนิเวศในพื้นที่ เช่นส่งผลต่อการดำรงชีวิตของพืชและสัตว์ตามธรรมชาติ ที่เคยปรับตัวให้เหมาะสมกับการอยู่ในพื้นที่เขตหนาว

หิมะที่อยู่บนยอดเขา ยังเป็นแหล่งสำคัญของน้ำจืดให้กับพื้นที่รอบข้าง เมื่อหิมะละลายกลายเป็นหนาว การที่หิมะสะสมตัวช้าลงก็ย่อมจะทำให้เกิดปัญหาขาดแคลนน้ำขึ้นในฤดูกาลถัดไป

นักวิทยาศาสตร์ได้เตือนกันมานานแล้วว่า ถ้าไม่รีบแก้ไข ลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศ เราก็จะต้องเผชิญกับภาวะที่โลกมีอุณหภูมิสูงขึ้นในอนาคตกันใกล้ .. และการที่ ภูเขาฟูจิไม่มียอดหิมะ ก็คงเป็นคำเตือนที่ทำให้เราได้เห็นกันตั้งแต่วันนี้ ไม่ต้องรออนาคต…

ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ : @อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์