ต่อมาเวลา 11.09 น. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางถึงท่าอากาศยานร้อยเอ็ด ตำบลหนองพอก อำเภอธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด เมื่อมาถึงมี สส.ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ และสส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) ให้การต้อนรับ ก่อนนายกฯ ออกเดินทางต่อด้วยรถยนต์เลกซัส สีเงิน Sonic Titanium ทะเบียน 5 ขส 45 กรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด
โดยจุดแรกเวลา 11.30 น. ที่วัดบ้านเขวาทุ่ง ตำบลเขวาทุ่ง อำเภอธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมสั่งการโมเดลการแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ดและกำหนดเป็นพื้นที่นำร่องทั่วประเทศ โดยมี พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง จเรตำรวจ และหน่วยงานในพื้นที่ ทั้งทหาร ตำรวจ ข้าราชการ เข้าร่วม
เมื่อมาถึงชาวบ้านได้ผูกผ้าขิดพื้นบ้านที่เอวนายกฯ และมีการฟ้อนรำชวนอ้ายเที่ยวเมืองร้อยเอ็ดต้อนรับ นอกจากนี้ชาวบ้านยังสวมกอด ขอถ่ายรูปเซลฟี่ และชมนายกฯ ตัวจริงสวยมาก จากนั้นนายกฯ รับฟังบรรยายสรุปการปราบปรามยาเสพติดในจังหวัดร้อยเอ็ดที่มุ่งเน้นจับกลุ่มผู้ค้ามาดำเนินคดี และนำผู้เสพเข้ารับการบำบัด ซึ่งเป็นผลสำเร็จจากโมเดลการแก้ปัญหายาเสพติดของจังหวัด
จากนั้นนายกฯ กราบนมัสการ พระครูเกษมธรรมสาทร เจ้าอาวาสวัดเขวาทุ่ง และพระครูโสภณธรรมวรยา เจ้าคณะตำบลเขวาทุ่ง โดยพระครูเกษมธรรมสาทร ได้มอบพระพุทธรูปปางชนะมารและพระพุทธรูปหลวงปู่อินทร์ อดีตเจ้าอาวาส ขนาดหน้าตัก 5 นิ้ว ให้กับนายกฯ
ต่อจากนั้นนายกฯ เป็นประธานการประชุมสั่งการโมเดลการแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ดและกำหนดเป็นพื้นที่นำร่องทั่วประเทศ โดยนายกฯ กล่าวมอบนโยบายว่า เสียงแหบนิดนึงยังไม่ค่อยหายดี แต่ว่าฟังพอได้มั้ย ก็ขอสวัสดีทุกท่านวันนี้ดีใจมากๆและรู้สึกเป็นเกียรติที่วันนี้เรามาติดตามงาน ต่อจากตั้งแต่สมัยนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ ก็ทราบมาตลอดว่ามีความจริงจังเป็นอย่างมากในการที่จะพยายามปราบปรามปัญหายาเสพติดทั้งประเทศและที่จังหวัดร้อยเอ็ดก็ได้เริ่มกันมาอย่างสวยงามมากๆ ที่อำเภอธวัชบุรีโมเดล และอำเภอท่าวังผาโมเดลจังหวัดน่าน ถึงเราจะมีนโยบายดีๆ แค่ไหน แต่นโยบายยาเสพติดถ้าหากไม่เอาจริงก็จะทำนโยบายอื่นๆ ได้ยาก เพราะฉะนั้นแน่นอนว่านโยบายยาเสพติดถือเป็นวาระแห่งชาติ
นายกฯ กล่าวต่อว่า วันนี้รัฐบาลนี้ยังยืนยันในการแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างต่อเนื่องต่อไปอย่างเข้มข้น และจริงจัง โดยหลังจากนี้จะขอขยายผลการดำเนินงานไปยังพื้นที่ต่างๆ ตามภูมิภาคโดยที่เราจะใช้จังหวัดนำร่องขึ้นมาทั้งหมด 10 จังหวัดกระจายไปทั่วประเทศ ภาคเหนือ คือจังหวัดเชียงใหม่ ภาคกลางจังหวัดอุทัยธานี จังหวัดปทุมธานี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คือ จังหวัดสกลนคร จังหวัดนครพนม ภาคตะวันออก คือ จังหวัดระยอง และภาคใต้ คือ จังหวัดนครศรีธรรมราช จังหวัดตรัง และจังหวัดนราธิวาส ซึ่งถือเป็น 10 จังหวัดนำร่องที่เราจะต้องแก้ปัญหายาเสพติดและยกระดับให้เข้มข้นขึ้น
“เรื่องนี้ถือเป็นปัญหาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นห่วงประชาชนทุกคน เพราะเด็กๆ ทั้งหลายเป็นอนาคตของชาติ จึงเป็นสิ่งที่เราต้องช่วยกันทุกฝ่าย” นายกฯ กล่าว
นายกฯ กล่าวต่อว่า ในส่วนการปราบปรามขอให้ตัดวงจรในเรื่องของการค้ายาเสพติดอยากให้เพิ่มประสิทธิภาพในเรื่องของการยึดทรัพย์และการอายัดทรัพย์ ขอให้มีความเด็ดขาดในเรื่องนี้ เพราะจะได้ไม่กลับมาอีก ให้การยึดทรัพย์มีบทลงโทษที่จริงจังชัดเจน และอีกอย่างที่ดิฉันคิดว่าให้ปรับกันเอง คือเราต้องดูแลข้าราชการและคนทำงานของเราด้วยว่าพอไปถึงจุดนั้น ต้องมีการตรวจเช็กคนทำงาน อันนี้ไม่ใช่ไม่ไว้ใจกัน แต่เราอยากให้เป็นตัวอย่างที่ดีของประชาชนว่าพวกเราเองที่ทำงานทุกวันนี้ไม่มีใครยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด เราจะได้ดูแลประชาชนได้อย่างทั่วถึง และทำให้ประชาชนไว้ใจในมุมของคนที่เข้าไปดูแลและปราบปรามหรือบำบัด เราต้องเป็นตัวอย่าง และถือเป็นต้นแบบที่ทำตามในเรื่องการบำบัดรักษา ขอให้ ป.ป.ส. องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข ตำรวจ และทหารทำงานกันอย่างบูรณาการ ให้เร่งพิจารณาเพิ่มในเรื่องของสถานพยาบาล เพราะทราบดีว่าบางทีอาจจะไม่เพียงพอในเรื่องของสถานพยาบาล เช่น การเปิดศูนย์บำบัดผู้ป่วยยาเสพติดต่างๆ ถ้าไม่เพียงพอจะได้มีการประสานงานกัน
นายกฯ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ในเรื่องของวงจรยาเสพติดกระบวนการรักษาเสร็จตัดวงจรให้จบ ผู้ขายโดนยึดทรัพย์แล้ว แต่อยากให้จำไว้เสมอว่าการดูแลคนที่เสพยานั่นคือการรักษาคนที่ป่วย คนที่ไม่สบาย ก็ขอให้ทุกคนมีความใจดีมีความเมตตากับผู้ที่มารักษา ซึ่งหากฟังแล้วอาจจะเป็นเรื่องเล็กแต่กำลังใจเท่านั้นที่จะทำให้เขาเดินออกไปอย่างสง่างามอย่างเข้มแข็ง อันนี้ขอให้ทุกฝ่ายไม่ลืมในเรื่องนี้ และที่สำคัญการฝึกอาชีพต่อจากนั้นก็ขอให้เป็นรูปธรรมที่จริงจังด้วย ตัวดิฉันเองยังพูดคุยกับคณะทำงานวงเล็บว่าอยากทำเรื่องนี้
เพื่อให้เป็นระบบมากยิ่งขึ้น ทั้งสิ่งที่ทำมาทุกคนทำมาดีหมดแล้ว แต่รัฐบาลอยากทำต่อในเรื่องการฝึกอาชีพ ให้มีอาชีพจริงจัง มีอาชีพเป็นหลักเพื่อจะได้เป็นฐานของการประกอบอาชีพต่อไป เพื่อให้เขากลับมาช่วยครอบครัวของตัวเองได้ ซึ่งถ้ามีความคืบหน้าอย่างไร ในการประชุมยาเสพติดครั้งหน้าคิดว่าน่าจะมีการพูดคุยกันในเรื่องนี้
“สุดท้ายขอเน้นย้ำอีกครั้งว่ารัฐบาลจะจริงจังกับเรื่องปัญหายาเสพติด และรอวันที่ยาเสพติดจะหมดไปจากประเทศ ก็ขอเริ่มที่จังหวัดนำร่องทั้ง 10 จังหวัดนี้ก่อน แน่นอนว่าเราต้องพยายามทำให้ยาเสพติดลดลงอย่างน้อย 90% ก็ขอให้ทุกคนลุยเต็มที่ในเรื่องนี้ อยากให้ประเทศของเราเป็นประเทศที่ปลอดยาเสพติด และเป็นประเทศสีขาวในทุกพื้นที่ไม่ใช่แต่เพียง 10 จังหวัดนำร่องเท่านั้น แต่ต้องขอบคุณจังหวัดร้อยเอ็ดที่เริ่มต้นอย่างสวยงามและคิดว่าเมื่อจังหวัดอื่นๆ มองเห็นจังหวัดร้อยเอ็ด ก็เชื่อถึงความเป็นไปได้ว่าทุกพื้นที่ก็จะเกิดปรากฏการณ์เช่นนี้เหมือนกัน” นายกฯ กล่าว
โดยหลังจากที่นายกฯ กล่าวมอบนโยบายเสร็จสิ้น รักษาการผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด ได้ตอบรับว่าจะตรวจสารเสพติด ตั้งแต่ระดับผู้ว่าราชการจังหวัดลงไปถึงข้าราชการในทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด.