จากกรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ระบุว่า อยู่ระหว่างรอความเห็นจากสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) เพื่อพิจารณาคดี ผู้บริหารดิ ไอคอน กรุ๊ป ว่าเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกลประชาชน(แชร์ลูกโซ่) หรือไม่นั้น

นายพรชัย ฐีระเวช. ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า สศค.อยู่ระหว่างร่วมมือกับดีเอสไอในการพิจารณาเรื่องดังกล่าวอยู่ว่า มีลักษณะเข้าข่ายความผิดคดีฉ้อโกงหรือไม่ โดยดีเอสไอได้สอบปากคำเจ้าหน้าที่ สศค. แล้ว เพื่อสอบถามเกี่ยวกับ พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 ขณะเดียวกัน สศค.ได้ส่งเจ้าหน้าที่ที่มีความเชี่ยวชาญไปช่วยดีเอสไอในคดีดังกล่าว โดยร่วมอยู่ในคณะสอบสวนคดีดังกล่าว ตามที่ดีเอสไอร้องขอด้วย

ทั้งนี้ การพิจารณาว่าเรื่อง ดิไอคอน มีลักษณะเข้าข่ายความผิดคดีฉ้อโกงตาม พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 หรือไม่ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาตามข้อมูล พยาน หลักฐาน ซึ่งในส่วนข้อมูลหลักฐานกระทรวงการคลังไม่มี จึงจำเป็นต้องร่วมมือกับตำรวจในการร่วมกันพิจารณา

สำหรับเงื่อนไขการพิจารณาว่าจะเข้าองค์ประกอบความผิดฉ้อโกงหรือแชร์ลูกโซ่หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับ 3 ข้อ ประกอบด้วย 1.การโฆษณาชวนเชื่อเป็นจำนวนเท่าไร 2.การกำหนดผลประโยชน์ตอบแทน สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยตามกฎหมาย และ3.ไม่ได้ประกอบอาชีพการซื้อขายจริง แต่นำเงินมาจากที่อื่นมาจ่ายให้กับผู้เสียหาย

นายพรชัยกล่าวว่า ที่สำคัญ สศค.ยังอยู่ระหว่างร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และหน่วยงานปฏิบัติที่เกี่ยวข้อง ในการพิจารณาทบทวน พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 เพื่อให้เป็นปัจจุบันและทันสมัยขึ้นตามนโยบายของรมว.คลัง เนื่องจากขณะนี้รูปแบบการทำธุรกิจมีความซ้ำซ้อนมากขึ้น หลังจากใช้มานานแล้วกว่า 40 ปี รวมถึงจะดูถึงความเหมาะสมในการให้หน่วยงานไหนเป็นคนกำกับดูแลอีกด้วย