นายวีรพันธ์ อังสุมาลี กรรมการผู้จัดการ บมจ.โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ หรือ โฮมโปร เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกปีนี้ บริษัทมีกำไรสุทธิ 4,776.53 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.26% และมีรายได้ 54,293.93 ล้านบาท ลดลง 0.64% ประกอบด้วยรายได้จากการขายสินค้า และรายได้จากการให้บริการลูกค้า รวมจำนวน 50,991.79 ล้านบาท ลดลง 410.74 ล้านบาท หรือ 0.80% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากสภาพเศรษฐกิจที่ยังชะลอตัว การจัดตั้งรัฐบาลและการเบิกจ่ายงบประมาณที่ล่าช้า ซึ่งมีผลต่ออัตราความเชื่อมั่นของผู้บริโภค รวมถึงผลกระทบจากฤดูฝนซึ่งก่อให้เกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสาน ส่งผลให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการที่สาขาลดลง

ทั้งนี้บริษัท ยังมีรายได้ค่าเช่า จำนวน 1,376.30 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 1.55 ล้านบาท หรือ 0.11% จากปีก่อน เป็นผลมาจากการจัดเก็บรายได้ค่าเช่าพื้นที่เช่าในสาขาของโฮมโปรและศูนย์การค้ามาร์เก็ตวิลเลจได้มากขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ท่องเที่ยว เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และมีรายได้อื่น จำนวน 1,925.85  ล้านบาท เพิ่มขึ้น 57.99 ล้านบาท หรือ 3.10% เป็นผลจากการเพิ่มการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายร่วมกับคู่ค้าทั้งในช่องทางสาขาและช่องทางออนไลน์ โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 1 และไตรมาส 2 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน

อย่างไรก็ตาม ช่วงไตรมาส 3 ปี67 ที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยยังคงเผชิญกับความกดดันในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง จากการผลักดันนโยบายทางเศรษฐกิจ รวมถึงปัญหาหนี้ครัวเรือน ที่มีผลกระทบต่อกำลังซื้อและความสามารถในการใช้จ่ายของผู้บริโภค ทำให้เกิดความระมัดระวังในการใช้จ่ายมากขึ้น และภายหลังการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ เริ่มมีการเบิกจ่ายงบประมาณและออกนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี67 แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการโดยมอบเงิน 10,000 บาท จึงอาจเกิดกำลังซื้อใหม่ในระบบเศรษฐกิจ ซึ่งคาดว่าอาจส่งผลดีต่อยอดขายของบริษัทในอนาคต โดยเฉพาะจากกลุ่มลูกค้ารายย่อยของฝั่งธุรกิจเมกาโฮม

นอกจากนี้ ช่วงไตรมาส 3 ถือได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่ตรงกับฤดูฝนของประเทศไทย โดยปีนี้มีค่าเฉลี่ยฝนตกมากกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน จึงส่งผลให้เกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่ ซึ่งได้ส่งผลกระทบต่อความสะดวกในการเข้ามาใช้บริการของลูกค้าที่สาขา โดยเฉพาะในส่วนของพื้นที่ภาคเหนือและภาคกลางตอนบน ยังคงได้รับผลกระทบในเรื่องของน้ำท่วม โดยคาดว่าอาจส่งผลกระทบต่อเนื่องถึงเดือนตุลาคม ซึ่งภายหลังระดับน้ำลดลงและเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ ลูกค้าจะมีการจับจ่ายใช้สอยอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการทำความสะอาดในระยะแรก และอุปกรณ์เพื่อการซ่อมแซมที่อยู่อาศัยในลำดับถัดไป ทำให้ยอดขายของสาขาที่ตั้งอยู่ในบริเวณพื้นที่น้ำท่วมปรับตัวสูงขึ้นหลังน้ำลง

อย่างไรก็ดี ในระหว่างไตรมาส 3 บริษัทฯ ยังคงมีการกระตุ้นยอดขายอย่างต่อเนื่อง ผ่านการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายต่างๆ ได้แก่ การจัดงาน HomePro Super Expo ในวันที่ 25-29 กรกฎาคม 2567  ที่โฮมโปรทุกสาขาทั่วประเทศและช่องทางออนไลน์ รวมถึงการจัดกิจกรรม Double Day ในทุกๆเดือน ที่ช่องทางสาขา HomePro Online Website และ Marketplace 

“สำหรับการขยายสาขาในไตรมาสที่ 3 บริษัทฯ ได้มีการเปิดสาขาเพิ่ม 3 แห่ง ได้แก่ โฮมโปร สาขาหนองคาย  โฮมโปร สาขา ระยอง (ทับมา) และเมกาโฮม สาขา ระยอง (ทับมา) จึงทำให้ ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 ของปี2567 บริษัทฯ มีโฮมโปร 92 สาขา โฮมโปรเอส 5 สาขา เมกาโฮม 29 สาขา และโฮมโปรที่ประเทศมาเลเซีย 7 สาขา”