เมื่อวันที่ 31 ต.ค. ที่โรงแรมเซ็นทาราไลฟ์ ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการพิจารณาคำร้องให้ตรวจสอบกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ครอบงำพรรคเพื่อไทยหรือไม่ และพรรคร่วมรัฐบาล รวม 6 พรรคว่า ขณะนี้มีคำร้องเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวทั้งหมด 4 คำร้อง ทางกกต.จึงรวมไว้เป็นสำนวนเดียวกัน ขั้นตอนก็คือในเบื้องต้นได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว เห็นว่าเป็นคำร้องที่สามารถรับไว้พิจารณาได้ เลขาธิการ กกต. ในฐานะนายทะเบียนก็รับเรื่องไว้ และส่งเรื่องให้คณะกรรมการรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานดำเนินการตามกระบวนการต่อไป ซึ่งจะใช้เวลา 30 วัน แต่หากมีข้อเท็จจริงเอกสารพยานหลักฐานที่ต้องทำเพิ่มก็ขอขยายได้อีก 30 วัน หลังจากนั้น เพื่อรวบรวมความเห็นทั้งหมดเสนอ เลขาธิการ กกต.ในฐานะนายทะเบียน ถ้าเห็นว่ามีการกระทำที่ฝ่าฝืนกฎหมายอันนำไปสู่การยุบพรรค เลขาธิการ กกต. ในฐานะนายทะเบียนจะต้องเสนอเรื่องให้ กกต.พิจารณาต่อไป ส่วน กกต. จะมีความเห็นอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับรายงานเอกสารข้อเท็จจริงพยานหลักฐานที่จะได้รับจากนายทะเบียน
นายอิทธิพร กล่าวว่า สำหรับการเชิญผู้เกี่ยวข้องเข้ามาให้ความเห็นนั้น เนื่องจากเรื่องนี้เพิ่งเข้าสู่กระบวนการอย่างเป็นทางการ เท่าที่ทราบมีผู้ร้องบางคนได้เข้ามาให้ถ้อยคำต่อคณะกรรมการรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานแล้วในช่วงสัปดาห์นี้ ทั้งนี้ จริงๆ แล้ว การเข้าให้ข้อมูลทั้งฝั่งผู้ร้อง และผู้ถูกร้อง มันขึ้นอยู่กับกระบวนการ แต่ระเบียบว่าด้วยการรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานข้อ 7 วรรค 2 ระบุว่า คณะกรรมการรวบรวมพยานหลักฐานจะต้องเปิดโอกาสให้ผู้ถูกร้องมารับทราบข้อเท็จจริง และมีโอกาสแสดงความคิดเห็น และเสนอเอกสารหลักฐานประกอบการพิจารณาด้วย เพราะฉะนั้น มีขั้นตอนการดำเนินการอยู่ที่อาจจะต้องใช้เวลาบ้าง ก่อนที่เข้าจะรวบรวมและเสนอเลขาธิการ กกต. ต่อไป ย้ำว่า ต้องดูข้อเท็จจริง เพราะเรื่องนี้ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
เมื่อถามถึงความคืบหน้ากรณีส่วนกรณีของ พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย จำเลยคดีตากใบ นายอิทธิพร กล่าวว่า เข้าใจว่าลาออกแล้ว และมีการเลื่อน สส. บัญชีรายชื่อคนใหม่ขึ้นมาแทนแล้ว ไม่มีประเด็นคงค้าง