เมื่อวันที่ 30 ต.ค. ที่รัฐสภา นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม และสส.นครพนม พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังมีกระแสข่าวพาดพิงว่าเป็นเทวดา อักษรย่อ ม. ในกรรมาธิการคุ้มครองผู้บริโภค สภาผู้แทนราษฎร ในสภาผู้แทนราษฎรชุดที่แล้ว และเกี่ยวข้องกับบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด ว่า ชื่อย่อ “ม.” 2 ตัวนั้นที่ปรากฏเป็นข่าวนั้น “ม.” ตัวแรกคงหมายถึง นายมานะ โลหะวณิชย์ อดีตสส.ชัยภูมิ พรรคเพื่อไทย และ ม. ตัวที่ 2 คือ นางมนพร ในฐานะประธานคณะอนุกรรมาธิการคุ้มครองผู้บริโภค ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 20 ม.ค. 2566 กมธ.คุ้มครองผู้บริโภคฯ ได้รับเรื่องร้องเรียนจากหญิงสาวรายหนึ่งที่อยู่ใน จ.ชลบุรี ว่าได้สมัครสมาชิกตัวแทนจำหน่ายของบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด และต้องจ่ายเงินซื้อสินค้าด้วย โดยได้ซื้อยาสีฟัน จำนวน 211,115 บาท ซึ่งจะได้ต้องรับ 1,500 หลอด แต่ปรากฏว่าทางบริษัทฯ ส่งยาสีฟันมาให้ 50 หลอด ซึ่งถือว่าไม่เป็นไปตามสัญญา จึงไปร้องเรียนต่อสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) แต่กลับไม่มีความคืบหน้าใดๆ ทำให้หญิงรายนี้ไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเอาผิดบริษัทดังกล่าวในข้อหาหลอกลวง ขณะเดียวกันได้มายื่นเรื่องร้องเรียนต่อ กมธ.คุ้มครองผู้บริโภคฯ เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. 2566 ซึ่งมีนายมานะ โลหะวณิชย์ ที่ขณะนั้นเป็นสส.ชัยภูมิ พรรคเพื่อไทย และเป็นประธานกมธ.
นางมนพร กล่าวอีกว่า นายมานะได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมาธิการที่มีตนเป็นประธาน ให้มาตรวจสอบเรื่องนี้ก่อน ซึ่งคณะอนุกรรมาธิการได้ดำเนินการสืบหาข้อเท็จจริง และเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลด้วย ทั้งนี้ ผู้ร้องเรียนต้องการคืนสินค้ายาสีฟัน และขอให้บริษัทฯ คืนเงินมาเต็มจำนวน จึงนำไปสู่การไกล่เกลี่ยกันระหว่างผู้ร้องทุกข์ กับบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป โดยมี สคบ.เป็นตัวกลางไกล่เกลี่ยเมื่อวันที่ 20 ม.ค. 2567 ซึ่งหลังจากไกล่เกลี่ยสำเร็จ คณะอนุกมธ.ได้รายงานผลต่อกมธ.ชุดใหญ่ว่าไกล่เกลี่ยสำเร็จ และผู้ร้องเรียนแจ้งขอถอนเรื่องจากกมธ. เมื่อวันที่ 20 ม.ค. 2567 ขณะที่คณะอนุกรรมาธิการได้กำชับ สคบ.ให้ตรวจสอบเรื่องการโฆษณาชวนเชื่อและธุรกิจขายตรง
เมื่อถามว่ากรรมาธิการในขณะนั้น มีการดำเนินการตามขั้นตอน ไม่ได้ดองหรือความพยายามทำให้มีการจบเรื่อง โดยที่ไม่มีการสืบสวนต่อใช่หรือไม่ นางมนพร กล่าวว่า ตนขอยืนยันว่าไม่มีการดอง เพราะเราคิดว่าคณะกรรมาธิการของสภาทุกคณะ ต้องเป็นที่พึ่งของประชาชน เมื่อประชาชนเดือดร้อนต้องการเงินคืน เราก็เร่งรัดเพื่อเอาเงินคืนให้กับผู้ที่ร้อง ซึ่งเราได้ใช้เวลาพิจารณาประมาณ 1 เดือน ภายหลังรับเรื่องร้องเรียน
ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีที่พรรคพลังประชารัฐพยายามจะเชื่อมโยงเรื่องนี้ไปที่พรรคเพื่อไทย มองว่าเป้าหมาย คือการโยงเรื่องนี้ให้พรรคเพื่อไทย ใช่หรือไม่ นางมนพร กล่าวว่า ตนไม่ทราบ แต่ในฐานะที่เป็น สส.ของพรรคเพื่อไทย ตนมองว่า คนที่ให้ข่าว เขายังไม่เข้าใจระบบการทำงานของคณะกรรมาธิการในสภาฯ เพราะอำนาจของกรรมาธิการไม่ใช่การเอาถูกหรือเอาผิด และขณะนั้น พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคร่วมฝ่ายค้าน แต่พรรคพลังประชารัฐเป็นแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ขณะที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องไปสืบค้นต่อว่า บริษัทนี้ มีลักษณะฉ้อโกงประชาชนหรือไม่ และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ต้องไปตรวจสอบว่า สินค้ามีคุณภาพหรือไม่ อย่างไร
เมื่อถามว่าในขณะนั้น ได้มีคนติดต่อมาขอเคลียร์อะไรหรือไม่ นางมนพร กล่าวว่า ไม่มี อาจเพราะเห็นหน้าพวกตน แล้วก็คงไม่มีใครกล้ามาติดต่ออะไร ตนขอย้ำว่าตอนนั้นเป็นพรรคฝ่ายค้าน เมื่อถามย้ำว่ามองว่าเป้าหมายของการออกมาให้ข้อมูลเช่นนั้นคืออะไร นางมนพร กล่าวว่า ตนตอบแทนไม่ได้ แต่คนให้ข่าวคงรู้อยู่แก่ใจว่า ในขณะที่เขาเป็นพรรครัฐบาล เหตุไฉนจึงปล่อยให้ปัญหาเกิดขึ้นเรื้อรัง จนทำให้ประชาชนเดือดร้อนอยู่อย่างนี้
เมื่อถามว่ากรณีที่มีการพูดถึงนายยุรนันท์ ภมรมนตรี หรือ บอสแซม ซึ่งเป็นอดีตสส.พรรคเพื่อไทย นางมนพร กล่าวว่า นายยุรนันท์ลาออกจากสมาชิกพรรคเพื่อไทยนานแล้ว ส่วนการทำธุรกิจส่วนตัวก็เป็นเรื่องส่วนบุคคล ไม่เกี่ยวกับพรรคเพื่อไทย
เมื่อถามว่ากรณีเชื่อมโยงกลุ่มสามมิตร ซึ่งขณะนี้ย้ายมาอยู่กับพรรคเพื่อไทย นางมนพร กล่าวว่า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ในฐานะแกนนำกลุ่มสามมิตร ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนไปแล้ว
“ปกติคนที่ไม่ดี ก็จะไปอ้างคนที่ดี เพื่อเป็นเกราะกำบังให้กับการกระทำความผิดของตัวเอง เพราะฉะนั้น เขาต้องย้อนกลับไปดูตัวเองว่าตัวเองได้ทำอะไรไว้ให้กับพี่น้องประชาชน เราเป็นนักการเมือง เราต้องกล้ายืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง ดิฉันในฐานะที่ตอนนั้นทำหน้าที่เป็นประธานคณะอนุกมธ.คุ้มครองผู้บริโภค ได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่จนสามารถเอาเงินจากบริษัท ดิไอคอน มาคืนให้ผู้ร้องเรียนได้ และรัฐบาลในขณะนี้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้ สคบ. ติดตามคนที่กระทำความผิด รวมถึงกระทรวงการคลังได้เร่งรัดการออกพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันการหลอกลวง” นางมนพร กล่าว
เมื่อถามอีกว่าพรรคพลังประชารัฐอ้างว่าในพรรคเพื่อไทยมี “เทวดา” อยู่ นางมนพร กล่าวว่า “ไม่มีหรอกค่ะ ที่นี่มีแต่ สส.และผู้บริหาร ขอย้ำว่าพรรคเพื่อไทยหัวใจคือประชาชน แต่ขอให้ท่านย้อนกลับไปดูเทวดาของท่าน ไม่ต้องมาคิดถึงเทวดาว่าอยู่ในพรรคเพื่อไทย เทวดาก็อยู่บนท้องฟ้า และการที่พรรคพลังประชารัฐมาโบ้ยให้พรรคเพื่อไทยนั้น ที่จริง พรรคพลังประชารัฐเป็นรัฐบาลในขณะนั้น แต่ทำไมกลับปล่อยให้บริษัทอย่างนี้ลอยนวลมาหลอกลวงประชาชน”
ต่อข้อถามว่าจะดำเนินคดีกับพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ นางมนพร กล่าวว่า ไม่ เพราะนักการเมืองจะไม่หาเรื่องกับประชาชน และขอให้กระบวนการที่เกี่ยวกับคดีบริษัท ดิไอคอน เดินหน้าไปตามกฎหมาย และนำเงินมาคืนให้ประชาชนที่ได้รับความเสียหาย ทั้งนี้ ส่วนตัวนั้น ตนไม่รู้จักกับรรดาบอสต่างๆ สักคน