จากกรณีข่าว “ทนายคนดัง” ถูกแจ้งความข้อหา “ฉ้อโกง” จนตกเป็นข่าวครึกโครมซึ่งมีการนำพยานหลักฐานเกี่ยวข้องมาเปิดเผยทางสื่อออนไลน์ รวมไปถึงอดีตลูกความที่นำเรื่องมาแฉถึงพฤติกรรมของทนายคนดัง ทำให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อยู่ในสังคมขณะนี้
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังยัง บ้านดงจำปา อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร บ้านของ นายไชยพล วิภา หรือ “ลุงพล” กับ น.ส.สมพร หลาบโพธิ์ หรือ “ป้าแต๋น” เพื่อสอบถามถึงความคิดเห็นเนื่องจาก “ลุงพล” กับ “ป้าแต๋น” เคยว่าจ้างให้ทนายคนดังว่าความให้ โดยลุงพลกับป้าแต๋น ระบุว่า ได้เห็นข่าวตามหน้าสื่อไปบ้างแล้วส่วนจะถูกหรือผิดอย่างไรก็ว่ากันไปตามพยานหลักฐานต้องคอยติดตามกันต่อไป อยากให้ทนายคนดังออกมาพิสูจน์ตัวเองสังคมจะได้ไม่ตำหนิ แต่เบื้องต้น ตนมองว่าทุกอย่างต้องไปพิสูจน์กันในกระบวนการยุติธรรม
ในส่วนของทนายคนดังที่เข้ามาดูแลตน เรื่องคดีความน้องชมพู่ขณะนั้น ด้านรายละเอียดตรงนี้ก็จะเป็นกลุ่มแฟนคลับที่ช่วยซัพพอร์ตเรื่องค่าใช้จ่ายอยู่ข้างหลัง เนื่องจากตอนนั้นตนยังไม่มีกำลังมากพอที่จะจ่ายค่าทนาย โดยทนายดังได้มีการไปตกลงกันเองกับแฟนคลับ ส่วนราคาว่าความประมาณ 3 ล้านบาท ต่อมาเจรจาขอลดลงเหลือ 2 ล้านบาท ไม่นานหลังจากนั้น จู่ๆ ทนายคนดังก็ขอยุติบทบาทลง โดยให้เหตุผลว่า ไปได้ยินยูทูบเบอร์ไลฟ์สดประมาณว่าเจองูกับทนายให้ตีทนายก่อน ซึ่งตอนนั้นตนก็ตกใจมากเนื่องจากเหตุผลดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นเพราะตน จากนั้นเป็นต้นมาก็ต่างคนต่างเดิน
โดยทนายคนดังเคยแนะนำตนให้ไปเรียนนิติศาสตร์ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องกฎหมาย และยังพูดฝากมาถึงตนผ่านสื่อว่า เรียนเนอย่าไปเนรคุณใคร จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้เห็นแล้วว่าคำพูดนี้กลับย้อนไปหาเขาซึ่งเขาเคยดูถูกตนไว้เมื่อครั้งนึง ตนฝากให้กำลังใจทั้งผู้เสียหายและทนายคนดัง ส่วนตัวไม่ขอตัดสินใครเพราะเคยถูกกระแสสังคมตัดสินมาแล้ว คนนึงก็คือคนคุ้นเคยกันและอีกคนคือผู้เสียหายที่ไม่รู้จักแต่ก็น่าเห็นใจเพราะเสียหายเยอะขนาดนั้น.