รายงานจากโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ หรือ United Nations Environment Programme (UNEP) ที่ระบุว่าในปี 2565 มีอาหารเหลือทิ้งถึง 1.05 พันล้านตัน หรือเฉลี่ยคนละ 132 กิโลกรัมต่อปี โดยร้อยละ 60 เป็นอาหารเหลือทิ้งที่เกิดขึ้นจากครัวเรือน หรือคิดเป็นหนึ่งในสามของปริมาณอาหารที่ผลิตขึ้นทั่วโลก ซึ่งส่งผลกระทบต่อความยั่งยืนของโลก

เนื่องในวันอาหารโลก (World Food Day 16 ตุลาคม) ปี 2567 นี้ อีเลคโทรลักซ์กรุ๊ป (Electrolux Group) ผู้นำระดับโลกด้านเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านที่มุ่งมั่นสร้างสรรค์ประสบการณ์และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของผู้คน และ Electrolux Food Foundation ได้ร่วมมือกับพนักงานจิตอาสาอีเลคโทรลักซ์กรุ๊ปทั่วโลกในการรณรงค์ให้ความรู้เกี่ยวกับอาหารยั่งยืนแก่เด็กและเยาวชนกว่า 13,000 คนใน 28 ประเทศ

สำหรับในประเทศไทย บริษัท อีเลคโทรลักซ์ ประเทศไทย จำกัด ได้จัดกิจกรรมสร้างแรงบันดาลใจให้กับเยาวชนจากโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) ประสานมิตร (ฝ่ายมัธยม) สาขาอาหารและการโรงแรม เพื่อส่งเสริมแนวคิดการทำอาหารและการกินอาหารเพื่อความยั่งยืนของโลกผ่านโครงการ Food Heroes Workshop พร้อมรณรงค์ร่วมลดปริมาณขยะอาหารที่เหลือทิ้ง (food waste) ให้น้อยที่สุด ซึ่งกำลังเป็นปัญหาที่โลกกำลังเผชิญอยู่ขณะนี้ ตาม

นายอเล็กซิส ริชาร์ด ผู้จัดการทั่วไป บริษัท อีเลคโทรลักซ์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า “อีเลคโทรลักซ์กรุ๊ป ได้ริเริ่มโครงการ Food Heroes Workshop ทั่วโลกนับตั้งแต่ปี 2559 สำหรับในประเทศไทยปีนี้เรายินดีอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับทางโรงเรียน สาธิต มศว ประสานมิตร ในการสร้างฮีโร่ด้านอาหารเพื่อโลกที่ยั่งยืน โดยจัดขึ้นที่ Electrolux Taste Center ที่สำนักงานกรุงเทพของเรา เพื่อเน้นให้ความรู้ในเนื้อหาหลัก 3 ส่วนคือ 1 การเลือกรับประทานอาหารที่ช่วยสนับสนุนความยั่งยืน เช่น พืชผักและผลไม้ (Eat more plants) ซึ่งมีประโยชน์อย่างมากต่อร่างกาย และใช้ทรัพยากรดินน้ำและพลังงานน้อยกว่าอาหารประเภทอื่น 2 ลดปริมาณขยะอาหารเหลือทิ้ง (Waste less food) โดยมุ่งเน้นไปที่การกินอาหารอย่างรู้คุณค่า จัดเก็บอาหารอย่างถูกวิธี และเรียนรู้วิธีใช้ประโยชน์จากส่วนผสมต่างๆ เพื่อลดปริมาณอาหารเหลือทิ้งจากการทำอาหารและการกินอาหาร และ 3 ลองเปลี่ยนพฤติกรรมหรือทำอะไรใหม่ๆ (Try new things) เพื่อช่วยสร้างความยั่งยืนของโลก ทั้งนี้ นอกจากเวิร์คช้อปให้ความรู้ดังกล่าวแล้ว เด็กๆ ที่เข้าร่วมโครงการฯ ยังได้เรียนรู้จากการลงมือทำอาหารจริงกับ เชฟเนตร – เนตรอำไพ สาระโกเศศ จากรายการเชฟกระทะเหล็กประเทศไทย ซึ่งทำให้การเรียนรู้ครั้งนี้มีความสนุกสนานด้วย”