ส่วนเรื่องคดีตากใบ ก็สรุปว่า เมื่อตามตัวผู้ต้องหาตามหมายจับมาไม่ได้ ก็ให้ กมธ.ยุติธรรม ศึกษาเกี่ยวกับผลกระทบจากการที่คดีหมดอายุ และการเยียวยา ซึ่งก็คงศึกษาถอดบทเรียนกันไปเรื่อยๆ และน่าสนใจจับตามองว่า พอจังหวะที่อยากเล่นการเมืองจะขุดผีคดีนี้ขึ้นมาด่ารัฐบาลอีกหรือไม่ ซึ่งได้เล่นการเมืองกันมากๆ ต้องระวัง“กระแสตีกลับ”
รัฐบาลนี้น่าจะได้ฉายาว่ารัฐบาลสาละวันเตี้ยลงๆ ตั้งแต่กว่าจะตั้งรัฐบาลได้ก็ช้า แก้รัฐธรรมนูญก็ไม่รู้ออกลูกผีลูกคน แล้วมาเจอเรื่องนิรโทษกรรม เรื่องตากใบอีก เรื่องที่เป็นแผนพัฒนาประเทศ..เงียบ.. ส่วนหนึ่งเพราะ “นายกฯอิ๊งค์” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร สื่อสารไม่เก่งพอ คนคาดหวังกับความโดดเด่นของนายกฯ ตั้งแต่สมัยนายกฯ ทักษิณที่มักเป็นวันแมนโชว์
จริงๆ มีวาระที่สำคัญๆ ที่นายกฯอิ๊งค์น่าจะแสดงแอคชั่นชัดๆ และขยายเป็นข่าวให้เห็นว่า เรื่องความขัดแย้งก็ให้ส่วนที่เกี่ยวข้องแก้ไขไป แต่รัฐบาลทำให้ไทยได้ผลประโยชน์เพียงใด โดยเฉพาะภาคการค้าการลงทุน ซึ่งมีเรื่องที่ฝ่ายการเมืองต่างประเทศวิเคราะห์ท่าทีของนายกฯ จากการที่ หาน จื่อ เฉียง ทูตจีน และโรเบิร์ต เอฟ โกเดค ทูตอเมริกา เข้าพบ
ในมิติด้านการต่างประเทศที่โลกแบ่งเป็นสองขั้ว ไทยจะรักษาสมดุลอำนาจได้อย่างไร ในฐานะตัวกลางที่เราจะไม่เสียผลประโยชน์จากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ทั้งอเมริกาและจีนต่างเป็นคู่ค้าที่สำคัญของไทยทั้งคู่ อีกทั้งการขอเข้าร่วมกลุ่ม BRICS ( บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน เซาท์แอฟริกา และอื่นๆ ) ซึ่งเป็นกลุ่มเศรษฐกิจขนาดใหญ่ จะมีผลอย่างไร
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย วิเคราะห์ว่า แม้ว่า การเข้าร่วม BRICS จะเปิดโอกาสให้นักลงทุนเข้าถึงตลาดใหม่ ขยายการค้า แต่ BRICS ก็เป็นขั้วตรงข้ามของเศรษฐกิจฝั่งตะวันตก ทำให้ไทยต้องเสนอท่าทีในการรับข้อตกลงที่อาจอ่อนไหวต่อคู่ค้าฝั่งตะวันตก และไทยน่าจะต้องเข้าร่วมในฐานะผู้สังเกตการณ์ก่อนในเบื้องต้น
รัฐบาลเพื่อไทยตั้งแต่ยุคนายกฯนิด เศรษฐา ทวีสิน พูดกันมากเรื่องการขยายจีดีพีให้โตขึ้น ดึงดูดการค้าการลงทุนจากต่างประเทศ แต่ปัจจุบัน ประเด็นเหล่านี้นายกฯอิ๊งค์ยังเงียบ แม้ว่าตอนเปิดตัวคณะที่ปรึกษาของนายกฯ ทีมบ้านพิษณุโลกมา ก็มีคนว้าวๆ แต่กลายเป็นว่า เหมือนนั่งคุยกันโดยยังไม่มีอะไรคืบหน้าให้คนมีความหวัง
ในการประชุมทีมบ้านพิษณุโลกที่ผ่านมา นายกฯอิ๊งค์บอกว่า “จะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่องจากแจกเงินหมื่น” ครั้งนี้จะเป็นการช่วยเหลือผู้ประกอบการขนาดกลางถึงรายย่อย หรือเอสเอ็มอี และจะมีมาตรการในการลดราคาสินค้าช่วยค่าครองชีพ ..ซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่เห็นชัดว่า มาตรการช่วยเอสเอ็มอีมี “ผลเชิงประจักษ์” ที่เป็นที่กล่าวถึงอย่างไร
ในงานด้านการเกษตร เร็วๆ นี้จะเข้าหน้าหนาว อากาศแห้ง รัฐบาลได้ดำเนินการอย่างไรเกี่ยวกับการป้องกันฝุ่น PM 2.5 จากการเผาเศษซากวัสดุบนดอย ซึ่งบางวันเชียงใหม่จะหายใจไม่ได้กันเลยทีเดียว และต้องทวงถามเรื่องปลาหมอคางดำด้วยว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ยังเดินหน้าจัดการอย่างต่อเนื่องหรือไม่ เอาคนนำเข้ามารับผิดชอบได้หรือไม่
ในด้านสังคม รัฐบาลควรแสดงแอคชั่นแบบแข็งแรงในเรื่องของแชร์ลูกโซ่ หรือธุรกิจชวนเชื่อเกินจริง ฝ่ายราชการจะได้ใจประชาชนไปเยอะ ถ้าเริ่มตั้งข้อสังเกตพวกยาจกตื่นมี รวยไม่มีที่มาแต่อวดฉ่ำในโซเชี่ยลฯ แล้วตรวจสอบก่อนมีผู้ร้องได้ คดีดิไอค่อน เป็นโอกาสให้ รมต.น้ำ น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกฯ แสดงฝีมือเต็มที่ ก็อย่าช้า
รัฐบาลมีผลงานทั้งในและต่างประเทศ มันดู sexy กว่าการวนอยู่แต่เรื่องเดิมๆ เดินหน้าทำงานให้เต็มสูบได้แล้ว.