เมื่อวันที่ 28 ต.ค. นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยว่า ในการประชุมผู้บริหารสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติวันนี้ (28 ต.ค.) มีการหารือกรณีของ รพ.มงกุฎวัฒนะ ซึ่งเป็นหน่วยบริการในระบบบัตรทอง 30 บาท โดย นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ได้ทำหนังสือด่วนที่สุดถึงเลขาธิการ สปสช. ลงวันที่ 26 ต.ค. ที่ผ่านมา เรื่อง รพ.มงกุฎวัฒนะขาดสภาพคล่องไม่สามารถรับส่งต่อจากหน่วยบริการปฐมภูมิตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 2567 โดยขอให้ สปสช. แก้ไขปัญหาผลกระทบที่เกิดกับ รพ.มงกุฎวัฒนะ ภายหลังการปรับแนวทางการบริหารจัดการระบบบัตรทองในพื้นที่กรุงเทพฯ รวมทั้งมีข้อเสนอเข้ามาเพิ่มเติม

นพ.จเด็จ กล่าวอีกว่าส เบื้องต้นเท่าที่ดูข้อมูลตามที่ รพ.มงกุฎวัฒนะได้หารือมานี้ มองว่าเป็นปัญหาที่สามารถพูดคุยและบริหารจัดการได้ ทั้งในส่วนของค่าบริการผู้ป่วยนอกรับส่งต่อ (OP Refer) และบริการปฐมภูมิไปที่ไหนก็ได้ (OP Anywhere) รวมถึงการจ่ายค่าบริการตามรายการบริการ (Fee schedule :FS) ซึ่ง สปสช. มีขั้นตอนดำเนินการ โดยเฉพาะการตรวจสอบข้อมูลการเบิกจ่าย ที่อาจทำให้ในบางส่วนเกิดความล่าช้าต่อหน่วยบริการได้ รวมถึงประกาศหลักเกณฑ์และข้อบังคับต่างๆ ที่ทำให้เกิดผลกระทบในภายหลังขี้น อย่างไรก็ดี เพื่อแก้ปัญหานี้โดยเร็ว และไม่ให้ผู้ป่วยบัตรทองได้รับผลกระทบ ตนได้ตั้งคณะทำงานหารือร่วมกับ รพ.มงกุฎวัฒนะเพื่อหาข้อยุติของปัญหาต่างๆ ร่วมกัน โดยมีพญ.ลลิตยา กองคำ รองเลขาธิการ สปสช. เป็นหัวหน้าคณะทำงาน, นพ.วีระพันธ์ ลีธนะกุล รองเลขาธิการสปสช. นายประเทือง เผ่าดิษฐ ผู้ช่วยเลขาธิการ สปสช. และผู้บริหารในส่วนงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งในส่วนของเบิกจ่ายชดเชย การขึ้นทะเบียนหน่วยบริการ เป็นต้น

นพ.จเด็จ กล่าวว่า ส่วนข้อเสนอที่ รพ.มงกุฎวัฒนะขอขยายเพดานโควตาที่รับดูแลประชากรเครือข่ายมงกุฎวัฒนะ จากเดิม 48,767 คน เป็น 250,000 คนนั้น ประเด็นนี้บอร์ด สปสช. จะมาพิจารณาแก้ไขข้อบังคับคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ว่าด้วยหลักเกณฑ์  วิธีการ และเงื่อนไข การขอลงทะเบียนเลือกหน่วยบริการประจำและการขอเปลี่ยนแปลงหน่วยบริการประจำ พ.ศ. 2564 และแก้ไขประกาศสำนักงานฯ เรื่องเกณฑ์การตรวจประเมินเพื่อขึ้นทะเบียนเป็นหน่วยบริการ รวมถึงการให้รพ.เอกชนใน กทม. สามารถให้บริการลักษณะหน่วยบริการประจำได้ นอกจากนี้ยังมีเรื่องการพิจารณาศักยภาพรพ.ในการรองรับการดูแลประชากรที่เพิ่มขึ้น การประเมินผลกระทบต่อระบบในภาพรวม รวมถึงการจัดระบบบริการในพื้นที่ด้วย 

เลขาธิการ สปสช. กล่าวอีกว่า ส่วนข้อเสนอที่ให้ รพ.มงกุฎวัฒนะเลือกคลินิกเป็นเครือข่าย โดย รพ.มงกุฎวัฒนะจะรับค่าบริการเหมาจ่ายรายหัวแทนคลินิก และเมื่อประชาชนไปรับบริการทาง รพ.จะจ่ายตามรายการบริการนั้น รูปแบบนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะเป็นลักษณะเดียวกับโมเดลที่ 1 ซึ่ง สปสช. เขต 13 กทม. ได้ดำเนินการมาแล้วที่ให้หน่วยบริการประจำตามจ่าย แต่ต่อมาได้มีการปรับปรุงรูปแบบเพื่อไม่ให้เกิดภาระการตามจ่ายค่าบริการ อย่างไรก็ตามหากมีการปรับแก้ไขในส่วนนี้ คงใช้เป็นแนวทางของ รพ.เอกชนใน กทม. ทั้งหมด ไม่เฉพาะแค่รพ.มงกุฎวัฒนะเท่านั้น

“ส่วนการประชุมบอร์ด สปสช. วันที่ 4 พ.ย. นี้ สำนักงานฯ จะนำเรื่องนี้เสนอต่อที่ประชุม เพื่อแจ้งปัญหากรณี รพ.มงกุฎวัฒนะ เพื่อให้บอร์ดฯ รับทราบ รวมถึงหารือแนวทางการแก้ไขปัญหา และการเปิดให้ รพ.สามารถหาหน่วยบริการเครือข่ายได้ โดยย้ำว่า สปสช. ยังคงเน้นบนหลักการบริการใกล้บ้าน สนับสนุน รพ.และหน่วยบริการจัดบริการในรูปแบบเครือข่าย เปิดให้ประชาชนเลือกหน่วยบริการเองได้ โดย สปสช. จะจ่ายเหมาจ่ายรายหัวให้หน่วยบริการประจำ โดยที่หน่วยบริการประจำจะตามจ่ายให้กับหน่วยบริการเครือข่าย ซึ่งหลังการปรับระบบใหม่นี้ สปสช.จะมีการติดตามผลโดยดูจากการร้องเรียนของประชาชน” เลขาธิการ สปสช. กล่าว