เมื่อวันที่ 28 ต.ค. ที่มูลนิธิปวีณาฯ นายอภิวัฒน์ อายุ 37 ปี และนางสาวสาวิตรี อายุ 30 ปี สองสามีภรรยาเดินทางจากจ.ชลบุรี เข้าร้องทุกข์ต่อ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี แจ้งว่า ตนเพิ่งเสียลูกในครรภ์ไปหลังจากอายุครรภ์ 8 เดือนเกิดปวดท้องจะคลอดวันที่ 22 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยหมอเวรที่โรงพยาบาลตรวจอาการก็พบว่าเด็กในท้องแข็งแรงปกติ ก่อนจะให้ยาระงับการคลอดก่อนกำหนด เป็นยาแคปซูล 8 เม็ด และยาฉีดทางสายน้ำเกลือ นอนรพ. 1 วัน 1 คืน เช้าวันที่ 23 ต.ค. แม่อาการดีขึ้นไม่ปวดท้องแล้ว

กระทั่งเย็นวันที่ 23 ต.ค. แม่รู้สึกท้องแข็ง ลูกไม่สนองตอบกับมือ พยาบาลพาไปอัลตร้าซาวด์พบว่าเด็กในครรภ์เสียชีวิต จากนั้นได้มีอาจารย์หมอมาบอกกับแม่ว่า “เด็กเสียชีวิตแล้ว เป็นความผิดปกติที่จะคลอดก่อนกำหนด” แม่จึงถามว่าเป็นแบบนี้ได้อย่างไรเพราะตอนมาที่รพ.เด็กในท้องก็ปกติดี อาจจะเป็นเพราะยาที่ให้แรงไปหรือไม่ แล้วใครจะรับผิดชอบ? หมอตอบว่า “ไม่ควรจะมีใครต้องรับผิดชอบเพราะเกิดจากเด็กเอง ยาที่ให้เป็นยาที่ใช้กันทั่วโลกอยู่แล้ว” จากนั้นหมอผ่าท้องเอาเด็กที่เสียชีวิตออกในวันที่ 24 ต.ค. หลังเกิดเหตุโรงพยาบาลออกใบความเห็นแพทย์ระบุ “วินิจฉัยโรค ทารกเสียชีวิตในครรภ์ อายุครรภ์ 32 สัปดาห์ 4 วัน ช่วงฝากครรภ์อัลตร้าซาวด์พบลักษณะผิดปกติ” แต่ยังไม่ได้อธิบายอะไรให้เข้าใจหรือแสดงความรับผิดชอบแต่อย่างใด พ่อแม่เกรงจะไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงมาร้องขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณาฯ  

นางปวีณา กล่าวว่า ขอแสดงความเสียใจกับสองสามีภรรยาที่ต้องมาเสียลูกไปเป็นเรื่องที่น่าเห็นใจยิ่ง กรณีนี้แม่ไปโรงพยาบาลได้รับการตรวจจากหมอเวร ซึ่งอาจไม่ใช่หมอเฉพาะทาง หรือหมอสูตินารีเวช และการให้ยาที่แรงขึ้นควรจะต้องดูแลอย่างใกล้ชิดโดยเฉพาะเคสที่มีความเสี่ยง ทั้งนี้จะประสาน พ.ต.อ.ศุภฤกษ์ อยู่ไพร ผกก.สภ.เมืองชลบุรี และมอบหมายให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิปวีณาฯ พาสองสามีภรรยาไปแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน และส่งศพเด็กไปชันสูตรที่นิติเวช รพ.ตำรวจ เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง และประสาน นพ.กฤษณ์ สกุลแพทย์ สสจ. ชลบุรี เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ความเป็นธรรมกับพ่อแม่เด็ก โดยมูลนิธิปวีณาฯ จะติดตามความคืบหน้าเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดต่อไป