แม้สภาผู้แทนราษฎรจะไม่เห็นชอบกับข้อสังเกต ในรายงานศึกษาแนวทางการตรา พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ด้วยคะแนน 270 ต่อ 152 งดออกเสียง 5 ไม่ลงคะแนน 1 เสียงซึ่งมี “นายชูศักดิ์ ศิรินิล” เป็นประธานกรรมาธิการ(กมธ.) วิสามัญฯ ทั้งที่พรรคเพื่อไทย(พท.) มีมติให้ตั้งขึ้น แต่เนื่องจากพรรคร่วมรัฐบาล ไม่เห็นด้วย เพราะเกรงว่าจะเป็นการเปิดช่องให้มีการล้างผิด ในคดีกฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งเกี่ยวข้องกับการปกป้องคุ้มครองสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่ที่ต้องจับตามองร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม 4 ฉบับที่ค้างอยู่ในสภาฯประกอบด้วย ประกอบด้วย ร่างของพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ร่างของพรรคครูไทยเพื่อประชาชน (ค.พ.ช.) แต่ใช้ชื่อ ร่าง พ.ร.บ.สร้างเสริมสังคมสันติสุข ร่างของพรรคร่วมไทยสร้างชาติ (รทสช.) และร่างของภาคประชาชน คำถามคือ พรรคพท. จะเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เข้าสู่สภาฯหรือไม่ ในฐานะพรรคแกนนำรัฐบาล

และในที่สุดก็มีคำตอบ หลัง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ฐานะคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคพท. ออกมาให้ความเห็นถึงร่างกฎหมายเกี่ยวกับการนิรโทษกรรม 4 ร่างที่เตรียมเข้าสู่การประชุมสภาฯ ในสมัยประชุมหน้า ที่จะเปิดในวันที่ 12 ธ.ค. ว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องของคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคที่จะพิจารณา ก่อนที่จะเสนอเรื่องไปยังคณะกรรมการบริหารพรรค(กก.บห.) พิจารณาต่อไป ว่าจะเสนอร่างนิรโทษกรรมประกบไปด้วยหรือไม่ โดยส่วนตัวเห็นว่าพรรคพท. ควรเสนอร่างประกบไปด้วย ทั้งนี้มองว่าเรื่องการนิรโทษกรรมนั้น หากเป็นกรณีในความผิดเล็กๆ น้อยๆ เช่น บางคนอาจไม่ได้มีส่วนร่วม แต่ถูกจับโยงเข้าไป รวมถึงการแสดงความเห็นต่างทางการเมือง ควรได้รับการนิรโทษกรรมเพราะไม่ใช่ความผิดทางอาชญากรรม

นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า แต่หากเป็นการกระทำผิดที่เกี่ยวข้องกับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ยืนยันว่าจะไม่มีการนิรโทษกรรมในเรื่องดังกล่าว เพราะถือเป็นเจตจำนงตั้งแต่ต้นของพรรค พท. ตั้งแต่มีการจัดตั้งรัฐบาลมา ที่สำคัญเรื่องการกระทำผิดหรือคดีที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ตราบใดที่สังคมยังมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันอยู่ เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ก็ไม่ควรจะหยิบมาเป็นประเด็น เมื่อถามถึงกรณี สส.พรรคพท.โหวตไม่รับข้อสังเกตของคณะกมธ.ฯ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ทั้งที่ญัตตินี้เสนอโดยพรรคพท.เอง แสดงให้เห็นถึงความไม่เป็นเอกภาพของคนในพรรค นายภูมิธรรม กล่าวว่า เป็นเรื่องธรรมดาของการเมืองในระบอบประชาธิปไตย ซึ่งคนที่แสดงความเห็นต่างมีไม่เท่าไหร่ ยืนยันว่าพรรคพท.ไม่ขัดแย้งกันเองอย่างแน่นอน

ท่าทีพรรคแกนนำรัฐบาลก็มีความมีความชัดเจน กับการเสนอกฎหมายล้างผิด โดยยืนยันจะไม่มีการนิรโทษกรรม การกระทำความผิดตามกฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งสอดคล้องกับท่าที่พรรคร่วมรัฐบาล แต่มีความแตกต่างจากร่างของพรรค ก.ก. และของภาคประชาชน ที่ให้ร่วมถึงการกระทำความผิด ในข้อหาล่วงละเมิดสถาบันด้วย

ส่วนท่าทีของพรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะแกนนำพรรคฝ่ายค้าน ที่ถ่ายทอดผ่านความเห็น “นายพริษฐ์ วัชรสินธุ” สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะโฆษกพรรคปชน.ถึงแนวทางพูดคุยเจรจากับพรรครัฐบาลอย่างไร เพื่อไม่ให้ร่างกฎหมายที่เสนอโดยพรรคปชน. ที่เกี่ยวข้องกับมาตรา 112 ไม่ถูกคว่ำว่า ถ้าเรามั่นใจจุดยืนว่า กฎหมายเราเป็นประโยชน์ต่อประเทศ แก้ปัญหาได้จริง หน้าที่เราคือยืนยันจุดยืน และเสนอกฎหมายเข้าสภาฯ ไม่ใช่เปลี่ยนจุดยืน แต่คือการเปลี่ยนใจคน ทำงานเชิงความคิดต่อไป วิธีการที่จะเปลี่ยนใจ สส.รัฐบาลได้ดีที่สุด คือการเปลี่ยนใจคนนอกสภาฯทำงานเชิงความคิด ถ้าประชาชนเห็นด้วยกับวาระของเรามากขึ้นเรื่อยๆ เสียงประชาชนจะเป็นพลังส่งเข้าไปในสภาฯเปลี่ยนใจ สส.รัฐบาลได้ ย้ำทำงานกับประชาชนนอกสภาฯ ขยายแนวร่วมนอกสภาฯ เพื่อหวังว่า การสนับสนุนที่เราได้มากขึ้นนอกสภาฯ จะแปรมาเป็นท่าทีที่เปลี่ยนแปลงของสส.รัฐบาล ในสภาฯ

เมื่อถามว่า ถ้าในสมัยประชุมหน้า ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่เสนอโดย นายชัยธวัช ตุลาธน อดีตหัวหน้าพรรคก.ก.ถูกคว่ำอีก จะไม่หวั่นไหว ถึงขั้นต้องลดเพดานเกี่ยวกับการนิรโทษกรรมคดี 112 ใช่หรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่าเราไม่พยายามโน้มน้าวให้สส.พรรครัฐบาลมาเห็นชอบด้วย ก็ต้องทำทุกวิถีทาง เพื่อไม่ให้ร่างกฎหมายของเราถูกคว่ำในสภาฯ คาดหวังว่า พรรคการเมืองไหน ที่ยังไม่เสนอร่างตัวเองเข้ามา ก็ควรเสนอเข้ามาประกบเพื่อให้ทุกร่าง พิจารณาพร้อมกันได้

ต้องรอดูข้อเสนอของพรรคปชน. จะได้รับการสนองตอบจากพรรคการเมืองต่างๆ หรือไม่ แม้จะความเห็นนอกสภาฯ มากดดันก็ตาม เพราะมาตรา 112 ถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อน

ขณะที่ ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจของประชาชน จำนวน 1,310 หน่วยตัวอย่าง เรื่อง “รัฐบาลนายกฯ อุ๊งอิ๊ง ไปไหวไหม” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 21-22 ต.ค.2567 พบว่าประชาชน ร้อยละ 41.68 เชื่อว่ารัฐบาลของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯจะอยู่รอดจากสถานการณ์ทางการเมือง และไปต่อได้จนครบเทอมในปี 2570 ขณะที่ร้อยละ 19.08 เชื่อว่ารัฐบาลจะไปต่อได้อีกประมาณ 2 ปี (ปี 2569) แต่ร้อยละ 16.87 เชื่อว่าจะไปต่อได้อีก 1 ปี (ปี 2568) ร้อยละ 11.99 เชื่อว่าจะไปต่อได้จนเกือบๆครบเทอมในปี 2570 ร้อยละ 9.77 ระบุว่า เชื่อว่าจะไปต่อได้ไม่เกินสิ้นปี 2567 ร้อยละ 0.61 ระบุว่า ไม่ตอบหรือไม่สนใจ

เมื่อถามถึงปัจจัยที่จะส่งผลให้รัฐบาลของ น.ส.แพทองธาร ไปต่อไม่ได้ พบว่าประชาชนร้อยละ 34.43 ระบุว่า สถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ไม่เป็นไปตามที่สัญญาและคาดหวัง ร้อยละ 32.52 ระบุว่ากลุ่มนักร้องเรียนที่พุ่งเป้าไปยังนายทักษิณ ชินวัตร และพรรคพท. ร้อยละ 29.47 ระบุว่า การบริหารที่ผิดพลาดของน.ส.แพทองธาร จนนำไปสู่สถานการณ์วิกฤต ร้อยละ 28.85 ระบุว่า กลุ่มนักร้องเรียนที่พุ่งเป้าไปยัง น.ส.แพทองธาร และพรรคพท. ร้อยละ 19.77 ระบุว่า การบริหารงานที่ไม่ระมัดระวังจนอาจเกิดการทุจริตคอร์รัปชัน ร้อยละ 17.25 ระบุว่า ความขัดแย้งในพรรคร่วมรัฐบาล

แต่ร้อยละ 16.64 ระบุว่าไม่มีปัจจัยใดๆ ที่จะทำให้รัฐบาลไปต่อไม่ได้ ขณะที่ร้อยละ 10.92 ระบุว่าการชุมนุมประท้วงรัฐบาลจนเกิดความวุ่นวายทางการเมือง ร้อยละ 9.62 ระบุว่า การเสนอแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญ(รธน.) ในประเด็นจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ร้อยละ 9.08 ระบุว่าการทำงานของพรรคฝ่ายค้านที่จะนำไปสู่การล้มลงของรัฐบาล ร้อยละ 8.24 ระบุว่า การเสนอกฎหมายนิรโทษกรรมที่มีประเด็นอ่อนไหว ร้อยละ 8.09 ระบุว่าประเด็นคดีตากใบ ร้อยละ 6.95 ระบุว่า การก่อรัฐประหารล้มรัฐบาล

ที่น่าสังเกตผลสำรวจโพลสำนักดัง ชี้ว่า ปัจจัย 3 อันดับแรกที่อาจทำให้รัฐบาลภายใต้การนำของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ต้องมีอันเป็นไปก่อนครบวาระประกอบด้วย ประชาชนร้อยละ 34.43 ระบุว่า สถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ไม่เป็นไปตามที่สัญญาและคาดหวัง ร้อยละ 32.52 ระบุว่า กลุ่มนักร้องเรียนที่พุ่งเป้าไปยังนายทักษิณ ชินวัตร และพรรคพท. ร้อยละ 29.47 ระบุว่า การบริหารที่ผิดพลาดของ น.ส.แพทองธาร จนนำไปสู่สถานการณ์วิกฤต

สอดคล้องกับความเห็น น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคปชน. ซึ่งเป็นมือเศรษฐกิจของแกนนำพรรคฝ่ายค้าน ที่ระบุกรณีศูนย์สำรวจความคิดเห็น (นิด้าโพล) เปิดเผยผลการสำรวจของประชาชน เรื่อง ‘รัฐบาลนายกฯ อุ๊งอิ๊ง ไปไหวไหม’ พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 41.68 ระบุว่า เชื่อว่าจะไปต่อได้จนครบเทอมในปี 2570 ว่า ต้องดูว่าอีกร้อยละ 58 มีสาเหตุอะไร เนื่องจากสาเหตุหลักที่มีคนพูดถึงมากที่สุด เป็นเรื่องไม่สามารถทำให้เศรษฐกิจดีได้ ตามที่สัญญาเอาไว้ แต่ยังสามารถแก้ไขได้ ยังคิดว่ารัฐบาลของพรรคพท. น่าจะเร่งเดินหน้า ทำให้เศรษฐกิจกลับมาดี หากเราสังเกตดูตั้งแต่ตั้งรัฐบาล น.ส.แพทองธาร มา ได้ตั้งคณะกรรมการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจขึ้นมา แต่จนถึงวันนี้ ก็ยังไม่มีการเริ่มประชุม และการสัญญาที่บอกว่า จะมีการเริ่มประชุมช่วงปลายเดือนนั้น ก็ยังไม่มีการประชุมสักที ส่วนนโยบายที่มีก็ยังเป็นนโยบายเดิม ตั้งแต่รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ เช่น แจกเงินสดให้กับกลุ่มเปราะบาง และหลายๆ โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ก็ยังไม่เห็นถึงความชัดเจน รวมถึงโครงการใหม่ๆ

น.ส.ศิริกัญญา ยังกล่าวอีกว่า เรื่องการแก้หนี้ ซึ่งเป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลน.ส.แพทองธาร ก็ยังคงไม่เห็นอย่างเป็นรูปธรรม แต่ยังพอมีเวลา ขอให้ทางรัฐบาลเร่งรัดออกนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งในระยะสั้น และการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างในระยะยาว ให้รวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งก็น่าจะสามารถยืดระยะเวลา การทำงานของรัฐบาลนี้ไปได้อีก และทำให้ไม่จำเป็นต้องยุบสภา ก่อนที่จะอยู่ครบ เทอม ส่วนความไม่ชัดเจนของโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเฟสสอง เป็นเรื่องที่ประชาชนยังเฝ้ารออยู่ว่า จะดำเนินการอย่างไรต่อ หากฟังจากคำพูดของรมว.คลัง และ รมช.คลัง ที่เห็นว่า มีความจำเป็นจะต้องประชุมคณะกรรมการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจขึ้นมาก่อนนั้น แต่จนแล้วจนรอด ก็ยังไม่มีการประชุมแม้แต่ครั้งเดียว แม้จะมีการนัดประชุมไปแล้ว ก็กลับถูกยกเลิกไปก่อน ประชาชนยังคงเฝ้ารออยู่

น.ส.ศิริกัญญา กล่าวอีกว่า ได้ฟังเสียงจากในพื้นที่ ก็กลายเป็นว่า 1 หมื่นบาทแรก ที่ลงมานี้ ก็ไม่ได้กระตุ้นเศรษฐกิจให้กลับมาชีวิตชีวาเท่าที่ควร จึงยังคงรอแนวทางแก้ไขปัญหาปากท้องประชาชนในระยะต่อไป รวมถึงคนที่ยังไม่ได้รับสิทธิ ก็ยังคงรอคำตอบว่า จะได้หรือไม่ได้อย่างไร ขอให้รีบแสดงความชัดเจนออกมา เพราะเรื่องเศรษฐกิจเป็นเรื่องความเชื่อมั่นล้วนๆ และรัฐบาลนี้ก็มีแต้มต่อเรื่องชื่อเสียงในการที่เคยทำให้เศรษฐกิจดีได้ ก็อย่าให้เสียชื่อ ต้องรีบกู้ความเชื่อมั่นกลับคืนมา เมื่อถามว่า หากยังจัดการไม่ดี จะทำให้เป็นตัวมัดในการล้มรัฐบาลได้หรือไม่ น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า แน่นอนเป็นอย่างที่ประชาชนได้ให้ความเห็นเอาไว้ ว่านี่จะเป็นสาเหตุแรกที่ทำให้รัฐบาล น.ส.แพทองธาร อยู่ไม่ครบเทอม บางคนบอกว่า สุดท้ายความนิยมจากประชาชนคงจะถดถอยลงเรื่อยๆ และเป็นสาเหตุที่อาจต้องยุบสภาก่อน อยู่จนครบวาระ

ต้องยอมรับเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ ปากท้องของประชาชน เป็นเรื่องสำคัญ หากรัฐบาลไหนทำให้ประชาชนมีความพอใจ การทำงานก็เป็นไปอย่างราบรื่น แต่ถ้าหากแก้ไขปัญหาให้ประชาชนไม่ได้ รัฐบาลก็อาจเจอปัญหาแทรกซ้อนตามมา ดังนั้นทั้งผลโพลและความเห็นของแกนนำพรรคฝ่ายค้าน จึงเป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ

“ทีมข่าวการเมือง”