เงินกองทุนประกันสังคมที่เราๆท่านๆจ่ายสมทบเข้าไป มอบการคุ้มครองและสิทธิประโยชน์หลายด้านแก่เหล่าผู้ประกันตน ซึ่งรวมถึงสิทธิช่วยเหลือเรื่องการเลี้ยงดูลูกๆด้วย นั่นคือ “สิทธิกรณีสงเคราะห์บุตร” ที่จะปรับอัตราจากเดือนละ 800 บาท เพิ่มเป็น 1,000 บาท โดยจะเริ่มมีผลภายในเดือนมกราคม ปี 2568

 ดังนั้น หากผู้ประกันตนคนใดมีลูก อย่าลืมมารับสิทธิประโยชน์ดังกล่าว มาสำรวจตรวจสอบหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และขั้นตอนของ “สำนักประกันสังคม” ที่กำหนดไว้ในการขอรับการขอรับ “เงินสงเคราะห์บุตร” ดังนี้

หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการเกิดสิทธิ

1.ต้องเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 หรือ มาตรา 39

2.จ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 12 เดือน ภายในระยะเวลา 36 เดือน ก่อนเดือนที่มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทน สิทธิที่ท่านจะได้รับเงินสงเคราะห์บุตรเหมาจ่ายเดือนละ 800 บาทต่อบุตร 1 คน

3.ต้องเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย ยกเว้น บุตรบุญธรรมหรือบุตรซึ่งยกให้เป็นบุตรบุญธรรมของบุคคลอื่น

4.อายุตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 6 ปีบริบูรณ์ จำนวนคราวละไม่เกิน 3 คน เว้นแต่ผู้ประกันตนเป็นผู้ทุพพลภาพหรือถึงแก่ความตาย ในขณะที่บุตรมีอายุแรกเกิดจนถึง 6 ปีบริบูรณ์ จะมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนต่อจนอายุ 6 ปีบริบูรณ์

การหมดสิทธิรับเงินกรณีสงเคราะห์บุตร

1.เมื่อบุตรมีอายุครบ 6 ปีบริบูรณ์

2.บุตรเสียชีวิต

3.ยกบุตรให้เป็นบุตรบุญธรรมของคนอื่น

4.ความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลง

หลักฐานที่ต้องใช้ในการยื่นคำขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีสงเคราะห์บุตร

1.แบบคำขอรับประโยชน์ทดแทนกองทุนประกันสังคม (สปส. 2-01)

2.กรณีผู้ประกันตนเคยยื่นใช้สิทธิแล้วและประสงค์จะใช้สิทธิสำหรับบุตรคนเดิม ให้ใช้หนังสือขอใช้สิทธิบุตรคนเดิมกรณีกลับเข้าเป็นผู้ประกันตน จำนวน 1 ฉบับ

3.กรณีผู้ประกันตนหญิงใช้สิทธิ ใช้สำเนาสูติบัตรบุตร (กรณีคลอดบุตรแฝดให้แนบสำเนาสูติบัตรของคู่แฝดด้วย) จำนวน 1 ชุด

4.กรณีผู้ประกันตนชายใช้สิทธิ ใช้ 1) สำเนาทะเบียนสมรส หรือสำเนาทะเบียนหย่าพร้อมบันทึกแนบท้ายของผู้ประกันตน หรือสำเนาทะเบียนรับรองบุตร หรือสำเนาคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลให้เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย จำนวน 1 ชุด และ 2) สำเนาสูติบัตรบุตร (กรณีคลอดบุตรแฝดให้แนบสำเนาสูติบัตรของคู่แฝดด้วย) จำนวน 1 ชุด

5.กรณีเปลี่ยนชื่อ ชื่อสกุล ให้แนบสำเนาเอกสารใบเปลี่ยนชื่อ ชื่อสกุลด้วย จำนวน 1 ชุด

6.กรณีผู้ประกันตนต่างชาติขอรับประโยชน์ทดแทน ให้ใช้สำเนาบัตรประกันสังคมและสำเนาหนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต) หรือสำเนาหนังสือเดินทางชั่วคราวหรือเอกสารรับรองบุคคลที่ทางราชการออกให้ จำนวน 1ชุด

7.สำเนาสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารประเภทออมทรัพย์หน้าแรกที่มีชื่อและเลขที่บัญชีของผู้ยื่นคำขอ จำนวน 1 ฉบับ ผ่านทางบัญชีธนาคารของผู้ประกันตน ดังนี้

            1) พร้อมเพย์ที่ลงทะเบียนด้วยเลขบัตรประจำตัวประชาชน

            2) ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)

            3) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)                

            4) ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)             

            5) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)             

            6) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)              

            7) ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน)            

            8) ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย                

            9) ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย จำกัด (มหาชน)

ทั้งนี้ กรณีเอกสารประกอบการยื่นคำขอฯ ที่เป็นสำเนานั้น ผู้ยื่นคำร้องต้องลงนามรับรองความถูกต้องของสำเนาทุกฉบับ และแสดงเอกสารที่เป็นต้นฉบับเมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ขอตรวจสอบ ส่วนกรณีเอกสารหลักฐานสำคัญต่อการพิจารณาเป็นภาษาต่างประเทศ ให้จัดทำคำแปลเป็นภาษาไทย และลงนามรับรองความถูกต้องให้ครบถ้วน

ขั้นตอนการขอรับประโยชน์ทดแทน

1.ผู้ประกันตนต้องกรอกแบบ สปส.2-01 พร้อมลงลายมือชื่อและนำมายื่นที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ / สำนักงานประกันสังคมจังหวัดและสาขา หรือยื่นขอรับทางไปรษณีย์โดยมีหลักฐานครบถ้วน (กรณีผู้ประกันตนยื่นคำขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีสงเคราะห์บุตรสำหรับบุตร 3 คน ในคราวเดียวกันสามารถใช้แบบคำขอฯ ชุดเดียวกันได้)

2.เจ้าหน้าที่ตรวจหลักฐานและพิจารณาอนุมัติ

3.สำนักงานประกันสังคมมีหนังสือแจ้งผลการพิจารณา

4.พิจารณาสั่งจ่าย จ่ายเป็นรายเดือนโดยโอนเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารประเภทออมทรัพย์ของผู้ขอรับประโยชน์ทดแทน

สถานที่ยื่นเรื่องขอรับประโยชน์ทดแทน

ยื่นได้ที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/สำนักงานประกันสังคมจังหวัดและสาขา ที่สะดวก (ยกเว้นสำนักงานใหญ่ในบริเวณกระทรวงสาธารณสุข)