หลังจาก สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ประกาศยืนยันคิวแข่งขันของทีมชาติไทยช่วงฟีฟ่าเดย์ เดือน พ.ย. 67 พบ เลบานอน วันที่ 14 พ.ย. 67 และพบทีมชาติลาว วันที่ 17 พ.ย. เตะที่สนามกีฬามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ซึ่งเกมที่เจอกับ ลาว อันดับ 187 ของโลกนั้น มีข้อวิพากษ์วิจารณ์ว่าจะเหมาะสมหรือไม่ และมีประโยชน์กับทีมชาติไทยหรือไม่

ผู้สื่อข่าวสอบถามทรรศนะ “ลีซอ” ธีรเทพ วิโนทัย อดีตกองหน้าทีมชาติไทย ถึงเกมที่ไทยพบกับลาว ซึ่ง ลีซอ กล่าวว่า ที่ผ่านมาก็ทราบว่าสมาคมฯ พยายามหาทีมมาเตะกับไทย แต่ยกเลิก แล้วเวลาก็บีบด้วย จึงต้องเป็นทีมชาติลาว การเจอลาวเป็นเกมที่สามารถทดลองระบบทีมไทยได้ เกมอุ่นเครื่องทุกเกมมีความหมาย ถ้ามองประโยชน์ ก็ย่อมมีอยู่ในนั้น แต่ลาวทุกวันนี้ก็ไม่ธรรมดา ถึงเวลา ทีมไทย อาจจะไม่ชนะก็ได้ ขณะเดียวกันจะได้ดูตัวผู้เล่น ระบบ วิธีการ

“ไม่ใช่แค่มองว่าคู่แข่ง เก่งหรือไม่เก่ง แต่ต้องมองภาพรวม มาซาทาดะ อิชิอิ (หัวหน้าโค้ชทีมชาติไทย) จะได้ใส่แทคติกให้กับนักบอลชุดนี้ ที่จะเป็นสายเลือดใหม่ของทีมชาติไทย เพราะในชิงแชมป์อาเซียน ตัวเก่าอาจไม่ได้เล่น ยังไงก็คิดว่าเป็นการเตรียมตัวที่มีประโยชน์”

เมื่อถามว่า การเจอกับลาว ถือเป็นโอกาสทดสอบแนวรุกที่ดีหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาไทยมักเจอแต่ทีมที่แข็งกว่า ลีซอ แสดงความเห็นด้วย เพราะเป็นการเตรียมตัวก่อนฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน ที่ไทยต้องเน้นเกมรุกมากขึ้น ดังนั้น อิชิอิ จะได้ซ้อมเกมรุกชัดเจนมากขึ้น เชื่อว่าโค้ชชาวซามูไร คงมีวิธีการเล่นในใจอยู่แล้ว ก็จะได้มาทดลองในการพบกับลาว

เมื่อถามถึงอนาคตแนวรุกทีมชาติไทย ลีซอ กล่าวว่า จากคิงส์คัพจะเห็นผู้เล่นแนวรุกมาเสริมเยอะ หลายคนก็มีโอกาสขึ้นมาแทนรุ่นพี่ อยู่ที่ว่าจะมีเวลาเมื่อไหร่ ศึกชิงแชมป์อาเซียน ก็จะได้ลองสายเลือดใหม่ โดยคนที่ตนอยากเห็นเต็มๆ คือ “ฟรองซ์” ปรเมศย์ อาจวิไล กองหน้าจากเมืองทอง ยูไนเต็ด, ธีรศักดิ์ เผยพิมาย จาก การท่าเรือ เอฟซี, อนันต์ ยอดสังวาลย์ จากลำพูน วอริเออร์ ซึ่งในอนาคตเชื่อว่าในแนวรุก นักเตะอย่าง ศุภชัย ใจเด็ด, เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์, บดินทร์ ผาลา ฯลฯ จะเป็นตัวหลักอยู่แล้ว รุ่นน้องก็จะไปเสริม

ส่วนโอกาสป้องกันแชมป์ในศึกชิงแชมป์อาเซียน ลีซอ มองว่า ตอนคิงส์คัพก็ขาดหลายคน แต่นักเตะทีมไทยก็แสดงศักยภาพออกมาได้ ถึงตอนนี้ทุกคนต้องปล่อยของกันให้เต็มที่แล้ว ล้วนอยากแสดงความสามารถ ทำให้ทีมชุดชิงแชมป์อาเซียน ก็จะมีความคึกคัก แต่ก็ยอมรับว่าการคว้าแชมป์จะยากขึ้น ส่วนหนึ่งเพราะการรวมตัวด้วย ที่นักเตะใหม่ต้องปรับจูนให้เข้ากับระบบ

สำหรับฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน 2024 ทีมชาติไทย ที่เป็นแชมป์ 2 สมัยล่าสุด อยู่กลุ่ม A คิวเตะวันที่ 8 ธ.ค. 67 พบ ติมอร์เลสเต (เยือน), วันที่ 14 ธ.ค. 67 พบ มาเลเซีย (เหย้า), วันที่ 17 ธ.ค. 67 พบ สิงคโปร์ (เยือน), วันที่ 20 ธ.ค. 67 พบ กัมพูชา (เหย้า), วันที่ 26-27 ธ.ค. 67 รอบรองฯ เลกแรก, วันที่ 29-30 ธ.ค. 67 รอบรองฯ เลก 2, วันที่ 2/5 ม.ค. รอบชิงชนะเลิศ.