เกิดเรื่องราวเป็น “ทอล์กออฟเดอะทาวน์” สะเทือนทั่วไทย กับวรรคทองที่ว่า “เราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” จากปาก “บอสพอล” วรัตน์พล” ผู้ก่อตั้งธุรกิจ “ดิไอคอน กรุ๊ป” ที่เคยเอ่ยปลุกใจบรรดาลูกข่ายจำนวนมาก เพราะหลังจากประชาชนผู้เสียหายทยอยร้องเรียนความไม่ชอบมาพากลของธุรกิจขายตรงรายนี้ นำไปสู่การดำเนินคดีเอาผิดบอสทั้งหลาย

ได้เกิดเหตุไฟลามทุ่งสู่การปล่อยคลิปเสียงแฉขบวนการ “นักร้อง” ที่ซ่อนแอบร่าง “นักตบทรัพย์” เรียกรับผลประโยชน์ก้อนโตจากบริษัทดังกล่าว เพื่อแลกกับการรูดซิปช่วยเก็บเรื่องมิดชิด ทำเอาเหล่า“วัวสันหลังหวะ” สะดุ้งโหยง เกิดอาการร้อนๆ หนาวๆ

แต่คนที่ได้ตีกินจากสถานการณ์ขณะนี้ ก็คงเป็นรัฐบาลของ “นายกฯ แพทองธาร ชินวัตร” เพราะได้เวลาพักหายใจ หลังจากก่อนหน้านี้ต้องเผชิญหน้ารับหลายประเด็นร้อนทางการเมืองที่รุมกระหน่ำ นับตั้งแต่เริ่มแรกเข้ามาบริหารราชการแผ่นดิน

ถึงใครๆมองว่าข่าวคราวทางการเมืองช่วงนี้โดนกลบด้วยเรื่องราวเกี่ยวกับ “ดิไอคอน กรุ๊ป” ดึงความสนใจของประชาชนไปได้มาก แต่รัฐบาลยังนอนใจไม่ได้ว่าคลื่นลมสงบ เพราะยังมีสนิมเนื้อในกัดกร่อน “รัฐนาวาแพทองธาร” ด้วยสารพัดปัญหาให้ต้องเร่งสะสาง ท่ามกลางทุกสายตาในสังคมยังติดตามทุกย่างก้าวของรัฐบาล

แม้กระทั่งในเรื่องร้อนจากปม “ดิไอคอน” ประชาชนจับตารอดูบทสรุปว่า จากที่รัฐบาลทำขึงขัง ตั้ง “คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคเกี่ยวกับธุรกิจออนไลน์” สุดท้ายจะสอย“หมู่เทวดา”เก็บค่าคุ้มครอง ให้ตกสวรรค์ได้หรือไม่ จะปราบปรามธุรกิจ “แชร์ลูกโซ่” ได้มากน้อยแค่ไหน

ขณะที่ประเด็นทางการเมืองยังมีเรื่องคาราคาซังมากมาย ทั้งการเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญที่กำลังเจออุปสรรคต่างๆ ขัดขวาง  รวมถึงการจัดทำกฎหมายนิรโทษกรรมที่ส่อว่าอาจต้องแท้งตั้งแต่ตั้งไข่หรือไม่ ด้วยปัจจัยเกมการเมืองและความรู้สึกนึกคิดและความเห็นต่างของผู้คนในสังคม

ที่สำคัญยังมีตัวจุดประเด็นร้อนให้ยิ่งลุกโชน คือ คดีสลายการชุมนุมหน้าสถานีตำรวจภูธรตากใบ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 25 ต.ค.2547 ในยุครัฐบาลของ “ทักษิณ ชินวัตร” ซึ่งผู้ต้องหา 14 คนในคดีนี้หลบลี้หนีหายเข้ากลีบเมฆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี” อดีตสส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะอดีตแม่ทัพภาคที่ 4

ถึงแม้ผู้ต้องหาจะหลบหนีจนผ่านพ้นครบกำหนดหมดอายุความในวันที่ 25 ต.ค.2567 แล้วก็ตาม แต่เหตุการณ์สำคัญเมื่อ 20 ปีที่แล้ว จะยังไม่หายไป จะหลอกหลอนติดตัวรัฐบาลชุดนี้ไม่รู้จบ

ช่างคล้ายคลึงกับมรดกจากรุ่นสู่รุ่น เหตุการณ์ที่ปะทุในรุ่นพ่อ ยุครัฐบาลของ “ทักษิณ ชินวัตร” ยืดเยื้อเรื่อยมาผ่านรุ่นอา รัฐบาล “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” จนมาสู่รุ่นลูกในรัฐบาล “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี