เมื่อเวลา 22  ต.ค. ที่รัฐสภา ในการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมือง การมีส่วนร่วมของประชาชน สิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา ที่มีนางอังคณา นีละไพจิตร สว. เป็นประธาน วาระเพื่อพิจารณาติดตามเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนและการลอยนวลพ้นผิด กรณีเหตุการณ์สลายการชุมนุมบริเวณหน้าสถานีตำรวจภูธรตากใบ จ.นราธิวาส

โดยมีการเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าชี้แจง คือ 1.สถานีตำรวจภูธรภาค 9 ได้แก่ พล.ต.ต.นิตินัย หลังยาหน่าย รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 พ.ต.อ.รังสี มั่นจิตร หัวหน้างานซักถามศูนย์พิทักษ์สันติ และพ.ต.ท.เสกสรรค์ คงคืน รองผู้กำกับกลุ่มงานสอบสวนคดีความมั่นคง  2.กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ภาค 4 ส่วนหน้า ได้แก่ พ.ต.อ.จาระวิทย์ วงศ์ชัยกิตติพร รองผู้อำนวยการสำนักกฎหมายและสิทธิมนุษยชน และพ.อ.พีระพัชร์ บำรุงทินรัตน์ ผู้อำนวยการส่วนงานเสริมสร้างความมั่นคง 3.สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ได้แก่นายสรพงค์ ศรียานงค์ ที่ปรึกษาด้านการประสานกิจการความมั่นคง  4.สำนักงานอัยการภาค 9 ได้แก่นายอารยะ กระโหมวงศ์ อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 4 ภาค 9  นายสินทวิชญ์ มโนภาส นายปราการ สังขอินทรี นายชัยชาญ ยมจินดา อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด นายสุณัย ผาสุก ผู้แทน Human Rights Watch Asia Ms. Katia Chirizzi ผู้แทนข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชน สหประชาชาติประจำภูมิภาคเอเชีย และแปซิฟิก นายดอน ปาทาน นายอาเต็ฟ โซ๊ะโก และ นายเอกรินทร์ ต่วนศิริ ทั้งนี้ มีพล.ต.ต.สุนทร ขวัญเพ็ชร สว. และนายรอมฎอน ปันจอร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) เข้าร่วมรับฟังด้วย

โดยนายชัยชาญ กล่าวว่า จากกรณีที่ทางอัยการสูงสุดมีคำสั่งฟ้องเจ้าหน้าที่รัฐ 8 คนจากคดีตากใบนั้น และได้มีการส่งกลับมาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และส่งกลับมาที่อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 4 ภาค 9 สำนักงานอัยการภาค 9 และส่งกลับมาที่หนองจิก จ.ปัตตานี ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของตน เมื่อรับสำนวนมาแล้วต้องแจ้งไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี เพื่อจัดการให้ได้ตัวผู้ต้องหา 8 คนมาดำเนินคดีทำคู่ขนานไปกับพนักงานสอบสวน ตนไม่มีสิทธิ์ทำอะไรทั้งสิ้น แม้กระทั่งการสอบสวน นอกจากร่างฟ้อง จนกว่าจะได้ผู้ต้องหาทั้ง 8 คน และรอว่าเมื่อถึงวันที่ 25 ตุลาคม เวลา 16.00 น.ตามเวลาราชการ หากพนักงานสอบสวนสามารถนำตัวผู้ต้องหา 8 คนหรือคนใดคนหนึ่งมา ก็สามารถส่งฟ้องต่อได้เลย แต่หากเกินเวลาหรือตั้งแต่วันที่ 26 ต.ค.เป็นต้นไป คดีจะถือว่าขาดอายุความ ซึ่งหากคดีขาดอายุ พนักงานอัยการต้องสั่งยุติคดี เพราะไม่สามารถส่งต่อไปที่ศาลได้ และไม่ใช่อำนาจของอัยการปัตตานี แต่ต้องส่งเรื่องไปยังสำนักงานอัยการสูงสุดเพื่อให้สั่งยุติคดีอีกครั้ง จากนั้นจึงจะต้องส่งกลับมาที่อัยการปัตตานีเพื่อส่งแก้คดี แล้วแจ้งให้ญาติผู้เสียชีวิตทราบว่าคดีนี้ขาดอายุความแล้ว ไม่สามารถส่งฟ้องศาลได้

ขณะที่นายสุณัย กล่าวว่า คดีตากใบเป็นการตอกย้ำว่าประเทศไทยมีปัญหาเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชนขนาดใหญ่โดยเจ้าหน้าที่รัฐ เพราะเมื่อเกิดขึ้นกลับไม่มีการรับผิดชอบจากผู้กระทำ และนี่เป็นสาเหตุว่าทำไมองค์กรแห่งชาติทั้งหลายจึงให้ความสนใจและติดตามเรื่องนี้มาตลอด อย่างไรก็ตาม คดีตากใบยังเป็นความหวังว่าวงจรของการละเมิดสิทธิมนุษยชนขนาดใหญ่ โดยเจ้าหน้าที่รัฐจะสามารถถูกยับยั้งได้ ทั้งนี้ เราได้ไปคุยกับครอบครัวของผู้รอดชีวิต เขาบอกว่าการนำเท้าไปเหยียบกับกระบวนการยุติธรรม แม้เพียงครึ่งเท้าก็ยังดี แต่ก็มีความหวัง การให้ความจริงกับเขาถือเป็นส่วนหนึ่งของความหวัง ตนจึงมีความหวังให้ทุกคนทำหน้าที่อย่างเต็มที่ ตอนนี้เหลือเวลาอีก 3 วัน ซึ่งตนได้เช็กกับองค์การตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศ หรืออินเตอร์โพลแล้ว กลับไม่พบว่าในฐานข้อมูลของอินเตอร์โพลยังไม่มีชื่อของพล.อ.พิศาล วัฒนวงศ์คีรี อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) ย้ำว่า ผลที่ออกมาจะเป็นการตอกย้ำบรรทัดฐานว่า อย่างไรก็ตามเรายังไม่สามารถเอาผิดกับเจ้าหน้าที่รัฐได้

“ทั้งนี้ ผมมีความกังวลว่าการใช้กำลังของรัฐจะดำเนินต่อไป และรัฐสามารถกระทำกับประชาชนได้โดยไม่ต้องรับผิดชอบอะไร คำว่าตายจ่ายจบแล้ว ไม่ใช่การเยียวยา ส่วนคำพูดที่บอกว่ารับเงินไปแล้วก็จบ ยังไงก็ไม่จบเพราะนั่นไม่ใช่สิ่งทดแทนความยุติธรรม” นายสุณัย กล่าว

ด้านนายรอมฎอน ถามว่า จากที่ตำรวจภูธรภาค 9 อ้างว่าได้ขอหมายแดง หรือ Red Notice ไปยังอินเตอร์โพล ให้ตามตัวผู้ต้องหาในคดีตากใบทั้ง 14 คนแล้ว แต่จากที่ตนเองได้ตรวจสอบหมายแดงทั้ง 6,681 คนจากทั่วโลก พบว่า รัฐบาลไทยร้องขอหมายจับไปเพียง 3 คนเท่านั้น ซึ่งไม่ใช่ผู้ต้องหาในคดีตากใบแต่อย่างใด จึงไม่แน่ใจว่าคำชี้แจงต่อกรรมาธิการตกหล่นอย่างไร จึงขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบอีกครั้งในเวลานี้ และจึงชี้แจงต่อกรรมาธิการอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลล่าสุดเท่าที่มี ผู้ต้องหาทั้ง 14 คน เป็นไปได้ว่าจะอยู่สถานที่ไหน ขอให้เปิดเผยมาโดยไม่ต้องกลัวว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี เพราะเวลานี้ประชาชนต้องการรับทราบข้อมูลของผู้ต้องหาทั้งหมด โดยเฉพาะอยู่ต่างประเทศกี่คน ประเทศใดบ้าง อยู่ในประเทศไทยกี่คน อยู่ที่ไหนบ้าง และมีจำเลยหรือผู้ต้องหาบางคนอยู่ในค่ายทหารหรือไม่ ซึ่งส่งผลต่อการทำหน้าที่ของตำรวจ ทั้งนี้ ยังขอตั้งคำถามด้วยว่า ทั้ง 14 คนนี้ ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ เพราะคดีนี้มีเดิมพันที่สูงมากเกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมลอยนวลพ้นผิด มีทั้งผู้ได้ประโยชน์และเสียประโยชน์ รวมถึงมีมาตรการคุ้มครองญาติของผู้เสียหายที่ฟ้องคดีอย่างไรหลังจากคดีหมดอายุความ และมีแนวคิดจะฟ้องร้องประชาชนที่กล้าหาญจะฟ้องร้องคดีนี้หรือไม่ อย่างไร

พ.ต.อ.รังสี ชี้แจงว่า วันที่ตนเองชี้แจงต่อ กมธ.การกฎหมายฯ เมื่อ 9 ต.ค.ที่ผ่านมาว่าตำรวจภูธรภาค 9 ทำหนังสือถึงกองการต่างประเทศ ซึ่งขึ้นตรงกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยกองการต่างประเทศแจ้งว่าได้ประสานกับอินเตอร์โพล และตนได้แจ้งว่าออกหมายแดงแล้ว 14 ราย ยืนยันว่ากองการต่างประเทศได้ออกหมายเลขแล้วเรียบร้อย โดยบุคคล 2 คนที่ออกจากต่างประเทศอย่างถูกต้องคือสหราชอาณาจักรและญี่ปุ่น จึงได้ทำหนังสือถึงสถานทูตแล้ว ส่วนผู้ต้องหาที่เหลือ กองสืบของแต่ละภูมิภาคได้แจ้งกลับมาว่า ไม่ปรากฏพบ คาดว่ามีการหลบหนีผ่านช่องทางธรรมชาติ จึงทำหนังสือถึงกรมศุลกากร ซึ่งระเบียบปฏิบัติต้องอาศัยการประสานกับตำรวจท้องที่นั้นๆ ไม่สามารถจับกุมได้ทันที ส่วนยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ตนยังไม่ทราบ ขณะที่ผู้ต้องหาที่เป็นข้าราชการทหารนั้น ได้ตรวจค้นในค่ายทหารจังหวัดลำปางและแสดงหมายจับแล้ว แต่ก็ไม่ได้พบตัว

ทั้งนี้นายสุณัย ได้ร้องขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติกระตุ้นทางอินเตอร์โพลให้ช่วยติดตามผู้ต้องหา ซึ่งเคยกระทำมาแล้วในหลายกรณีก่อนหน้านี้ จึงหวังว่าจะดำเนินการได้ และยังมีอีกช่องทางหนึ่งคือผ่านกระทรวงการต่างประเทศ โดยใช้ความสัมพันธ์ทวิภาคีกับประเทศที่ผู้ต้องหาหลบหนีไป ส่งตัวหรือเนรเทศบุคคลเหล่านั้นกลับมาในลักษณะของการต่างตอบแทน แต่น่าเสียดายที่วันนี้ไม่มีตัวแทนจากระทรวงการต่างประเทศมาชี้แจง พร้อมกันนี้ ยังเสนอให้ใช้หลักกระบวนการยุติธรรมระหว่างประเทศ เพื่อให้ผู้ต้องหาเข้าสู่กระบวนการอำนวยความยุติธรรมในประเทศปลายทาง เนื่องจากเวลาของอายุความในประเทศไทยใกล้หมดลง

ด้านนางอังคณา กล่าวว่า ตนเองก็เคยตกเป็นเหยื่อของการสลายการชุมนุมเช่นเดียวกัน ในการชุมนุมหน้ารัฐสภาเมื่อ 2563 ซึ่งมีการฉีดน้ำผสมสารเคมี ซึ่งศาลก็ได้พิพากษาให้เยียวยา แต่ตนเองยังไม่เห็นพัฒนาการของเจ้าหน้าที่ในการรักษาความปลอดภัยของผู้ชุมนุมมากนัก

ขณะที่ นายสุนทร พฤกษพิพัฒน์ สว. ในฐานะกรรมาธิการ ถามว่า ผู้ที่อนุญาตให้พล.อ.พิศาลลาหยุด มีส่วนรู้เห็นหรือไม่ส่วนผิดด้วยหรือไม่ ที่ทำให้หลบหนีไปจนขาดอายุความและเมื่อถึงวันที่ 25 ต.ค.เราจะมีทางใดแทนที่จะบอกว่าหมดอายุความ เรามีวิธีแบบอื่นหรือไม่

นางอังคณา ชี้แจงว่า ผู้ที่อนุญาตให้พล.อ.พิศาลลาคือประธานสภาผู้แทนราษฎร แต่ตนไม่มีหน้าที่ไปก้าวก่ายสภาผู้แทนราษฎร จึงขอฝาก สส.ไปถาม ทั้งนี้ ตนยังไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจนจากหน่วยงานเรื่องเกี่ยวกับการดูแลความปลอดภัย นอกจากนี้ ยังมีการสร้างทัศนคติเชิงลบต่อผู้สูญเสียด้วยว่าการออกมาเรียกร้องต่างๆ ในวันนี้เพราะมีคนหนุนหลัง.