น.ส.ศุภลักษณ์ อัมพุช ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยในงานเสวนา “เดลินิวส์ ทอล์ก 2024” ในหัวข้อ “Soft Power : โอกาสประเทศไทย” ว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่มี”เสน่ห์” มีครบทุกรสชาติเหมือนกับต้มยำกุ้ง ที่มีทั้งเปรี้ยว หวาน มันส์ เค็ม และมีการเปลี่ยนง่าย สบายๆ สนุกๆ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ผ่านไปได้ เรามีวัฒนธรรมที่ยืนยาวมาก เราเรียนรู้ที่จะเสียบางอย่างเพื่อให้ได้บางอย่าง และไม่เคยเอาเปรียบใคร เรามีเสน่ห์อย่างเช่นมีวัดพระแก้ว ข้างๆก็อาจจะมีอยู่บาร์ก็ได้ จึงคิดว่าคนไทยโชคดีมากไปที่ไหนก็ไม่ดีเท่าเมืองไทย 

“กิน เที่ยว เปรี้ยว มันส์ สนุก สบาย ประเทศไทย คือตรงนี้ โดยที่เมืองไทยจะชนะได้ต้องเป็นเมืองไม่หลับใหล มีคอนเทนต์ที่ขายได้ทั้ง 365วัน และ 24 ชั่วโมง ฉะนั้นยุทธศาตร์ของซอฟต์พาวเวอร์หากไม่ได้รับการสนับสนุนจะเป็นเรื่องใหญ่ไม่ว่าจะเป็นเรื่องภาษี กฎหมายแรงงาน ด่านตรวจคนเข้าเมืองต่างๆที่จะต้องแก้ไขหากไม่แก้ก็ไม่สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงของประเทศไทยเลย”

ดูง่ายๆจากดูไบเป็นตัวอย่าง สามารถสร้างประเทศเพียง 15 ปี โดยเริ่มจากดูตัวอย่างจากสิงคโปร์ จนกลายเป็นฮับของสายการบิน ทั้งๆที่มีทะเลทราย หรือวันนี้หากเราไม่สู้กับสิงคโปร์เราจะสู้กับประเทศอื่นได้อย่างไร หากรับนักท่องเที่ยวได้เพียงแค่ 60 ล้านคน ฉะนั้นการเป็นฮับจึงสำคัญที่สุด จากการใช้คอนเทนต์ที่มีโครงสร้างพื้นฐานที่อำนวยความสะดวก 

ประเทศไทยทำอย่างไรให้เป็นศูนย์กลางนักท่องเที่ยวในเอเชีย และจากการเข้าไปพูดคุยกับ แจ็คหม่า อะลีบาบา โดยถามเป้าหมายความต้องการว่าต้องการอะไร เค้าได้ตอบว่าต้องการให้มีคนทั่วโลกใช้งานผ่านอาลีเพย์มากถึง 2,000 ล้านคน แล้วทำไมเราเองจะทำไม่ได้ ขนาดดูไบที่มีประชากรแค่2 ล้านคนยังทำได้ และสิงคโปร์มีเฉพาะต้นไม่ยังทำได้ ฉะนั้นเราต้องสร้างมูลค่าให้ไทย ด้วยแบรนด์ดิ้งซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมาก แต่เราจะต้องเปลี่ยนเรื่องต้นทุนทั้งด้านค่าแรง ภาษี เราต้องเปลี่ยนตัวเองว่าจะเป็นอะไร ต้องมองภาพใหญ่ สั้น กลาง ยาว ว่าจะแข่งขันอย่างไร

ขณะเดียวกันต้องทำให้สินค้าไทยสามารถเดินไปได้ทั่วโลกด้วยดิจิทัล และสุดท้ายเรื่องทัวร์ริชซึมสำคัญมาก ที่ดึงดูดด้วยอีเวนต์ โดยสร้างให้กลายเป็นประเทศบ้านที่ 2 ของนักท่องเที่ยวที่มาเยือน อีกทั้งยังต้องมีการเชื่อมโยงกับต่างประเทศเพื่อสร้างความเป็นฮับเออีซี อาเซียนให้ได้ เพราะไม่งั้นจะสู้เวียดนามไม่ได้เพราะมีการแก้กฎหมายกฎระเบียบทุกข้อที่ทำให้คนไม่อยากมาลงทุนอย่างหมดแล้ว เช่นเดียวกับมาเลเซียที่แก้กฎหมายจนกลายเป็นช้อปปิ้งพาราไดซ์