เมื่อวันที่ 15 ต.ค. นายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ กรรมการบริหารพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงการตรวจสอบจริยธรรม สส. ในพรรคตั้งแต่สมัยพรรคก้าวไกล จนถึงพรรคประชาชน ว่า ผู้ที่ถูกดำเนินการในสถานะสมาชิกพรรคก้าวไกลในขณะนั้น เมื่อพรรคก้าวไกลจบลง ทุกสิ่งทุกอย่างก็จบลงในเชิงข้อบังคับ แต่ในเชิงต่อเนื่องของความเป็นพรรคการเมือง กรณีนี้ไม่ใช่การย้ายพรรคในรูปแบบปกติ และหากมีการกระทำที่เกิดขึ้นในวันนี้ ก็เป็นเรื่องของพรรคที่ต้องตรวจสอบและค้นหาข้อเท็จจริง ในการตั้งพรรคการเมืองที่ผ่านมา แม้จะมีอุปสรรคต่างๆ บ้าง แต่การจัดโครงสร้างเกือบเสร็จสิ้น 100% มีความรับผิดชอบในหลายระดับ หากเป็นสมาชิกโดยทั่วไปที่ไม่ใช่ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จะอยู่ในความรับผิดชอบของตน ในฐานะนายทะเบียนของพรรคที่จะเป็นคนดำเนินการ ซึ่งจะมีเรื่องร้องเรียนเข้ามาบ้าง ก็ดำเนินการในส่วนนั้นอยู่ แต่ยังไม่มีเรื่องร้ายแรงที่ถึงขั้น สส. ไปกระทำความผิดร้ายแรง และบางเรื่องที่เป็นปัญหาส่วนบุคคล ก็จะต้องพิจารณาว่าจะส่งบุคคลนั้นลงสมัครรับเลือกตั้งในครั้งถัดไปหรือไม่
เมื่อถามว่าที่ผ่านมา ถูกตั้งข้อสังเกตว่าพรรคอุ้ม สส. หรือไม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ไม่มี พี่น้องสื่อมวลชนคงทราบดี แต่ความยากง่ายและความหนักเบาของแต่ละกรณีไม่เหมือนกัน แต่ก็ได้สรุปบทเรียนจากสิ่งที่ไม่สามารถทำได้อย่างเต็มที่ในสมัยพรรคก้าวไกล สู่การออกข้อบังคับใหม่ของพรรคประชาชน ว่าจะทำอย่างไรให้ตอบสนองต่อผู้เสียหายและคนที่เลือกพรรคเรา
ส่วนเรื่องเงินบริษัทพรรคที่เงียบหายไปแล้ว แต่มีคนร้องแล้ว ตอนนี้มีความคืบหน้าอย่างไรบ้าง นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ยังไม่เห็นรายงานและรายละเอียดในประเด็นที่มีการร้อง และยังไม่ได้รับการติดต่อจากหน่วยงานที่มีผู้ไปร้องว่าจะให้พรรคประชาชนไปรับทราบข้อกล่าวหาหรือไม่ ดังนั้น จึงไม่ทราบว่ามีเรื่องที่ร้องเรียนเกี่ยวกับพรรคประชาชนมากน้อยแค่ไหนในเชิงที่ไม่เป็นทางการ แต่ในเชิงทางการที่ส่งมาที่พรรคยังไม่มี เรื่องเงินบริจาค เรายืนยันมาโดยตลอดว่าไม่ใช่การเปิดบัญชีบริจาคใหม่ แต่เป็นบัญชีของพรรคในอดีตอยู่แล้ว ที่พอย้ายมาจะมีความต่อเนื่องตั้งแต่สมัยพรรคถิ่นกาขาวชาววิไล ที่ผ่านมาได้มีการแถลงอยู่ตลอดว่าเงินที่ได้รับบริจาคมานำไปใช้จ่ายในส่วนไหนบ้าง ดังนั้นข้อร้องเรียนในเชิงธุรการต่อพรรคทั้งหมด ไม่มีข้อใดที่มีความกังวลหรือหนักใจที่จะนำไปสู่ปัญหาอื่นของพรรค
เมื่อถามว่าจุดยืน ม.112 หลังจากนี้ จะเป็นอย่างไรต่อ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า นโยบายเกือบทั้งหมด พิจารณาต่อเนื่องมาจากสมัยพรรคก้าวไกล นโยบายแต่ละอย่างต้องมาดูรายละเอียดว่าได้ผลักดันไปแล้วบ้างหรือไม่ สำหรับ ม.112 ตนย้ำมาโดยตลอดว่าเห็นปัญหาของการบังคับใช้กฎหมายฉบับนี้ ซึ่งต้องตรงกัน แต่ก็เคารพคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่จะนำมาเป็นกรอบในการเดินหน้าว่าหากจะแก้ไขปัญหา ม.112 จะเดินหน้าตามกรอบที่ศาลกำหนดและสิ่งที่พรรคจะทำมากน้อยแค่ไหน โดยตนอยากเรียกร้องเรื่องนิรโทษกรรม หากเห็นตรงกันเป็นฉันทามติของสังคม อยากให้มาช่วยกันติดตาม โดยควรจะหาข้อสรุปให้สังคมและคืนความยุติธรรมบางส่วนให้ผู้ได้รับผลกระทบจากคดี
เมื่อถามว่าเรื่องนี้อ่อนไหว อย่างวันที่ 14 ต.ค. วันรำลึกเหตุการณ์ 14 ต.ค. พรรคประชาชนไปวางพวงมาลา แต่วันที่ 13 ต.ค. วันนวมินทราธิราช พรรคประชาชนกลับไม่ไป จะทำให้ถูกตั้งข้อสงสัยจากฝั่งอนุรักษนิยมหรือไม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ในกรณีของงานพิธีทุกอย่างที่มีการติดต่อหรือประสานงานมา เราเองก็เข้าร่วมตลอด ตนเองในวันที่ 13 ต.ค. ก็เข้าร่วมพิธีในจังหวัดอ่างทอง และเพื่อนสมาชิกก็เข้าร่วมพิธีตามจังหวัดต่างๆ แต่จากการสอบถามเบื้องต้น คาดว่าอาจจะเป็นเรื่องการประสานงานที่ทำให้เราไม่ได้ไปวางพวงมาลา แต่สำหรับวันอื่นๆ เราก็ไปร่วมมาโดยตลอด แล้วพิธีการทุกอย่างก็เป็นไปตามระเบียบที่สภาวางไว้
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าการเข้าร่วมของ สส.พรรคประชาชน เป็นการเข้าร่วมส่วนตัวในระดับจังหวัด ไม่ใช่ส่วนกลางของพรรค นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ตนไม่ทราบรายละเอียด แต่ในเดือน ต.ค. จะเห็นได้ว่ามีวันสำคัญหลายวันที่ต้องแยก ส่วนระหว่างประเด็นเรื่องงานพิธีการกับประเด็นเรื่องวันสำคัญของพี่น้องประชาชน ที่เราก็จัดอันดับความสำคัญทุกเรื่องอย่างเสมอกัน.