เมื่อวันที่ 13 ต.ค. จากกรณีมีผู้เสียหายนับพันคนทยอยเข้าแจ้งความบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป ซึ่งมีมูลค่าความเสียหายหลายร้อยล้านบาท ในขณะที่กลุ่มผู้บริหารได้เดินทางเข้าให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ใจ ตามที่ได้เป็นข่าวแล้วนั้น

ล่าสุดผู้สื่อข่าวรายงานว่าในพื้นที่อ.บางละมุงได้มีผู้เสียหายสองพ่อลูก นายสุพี อายุ 66 ปี และนายอินทนนท์ อายุ 30 ปี ลูกชาย เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนสภ.ห้วยใหญ่ เพื่อขอคำแนะนำและแจ้งความดำเนินคดี โดยนายสุพี ผู้เป็นพ่อ เปิดเผยว่า ปลายปี 2565 ได้เกิดความสนใจที่จะทำธุรกิจขายตรงผ่านทางออนไลน์ของบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป โดยรู้จักผ่านศิลปินนักร้องยุค 90 ลูกครึ่งไทย-เยอรมัน เมื่อได้มีการติดต่อสอบถามจนกระทั่งตัดสินใจร่วมลงทุน สมัครเป็นดีลเลอร์ ในราคา 25,000 บาท แต่สุดท้ายก็ถูกหว่านล้อมชักจูงให้ลงทุนเพิ่มในระดับ 250,000 บาท ตนเองก็หลงเชื่อลงทุนร่วมกันทั้งพ่อ-ลูก ไปกว่า 500,000 บาท

ตอนแรกคิดว่าจะต้องได้ผลตอบแทนอย่างแน่นอน เนื่องจากมีบุคคลทั้งดาราศิลปินมากมาย โชว์ภาพได้ผลกำไรตอบแทน ทั้งบ้านหลังใหม่มูลค่ากว่า 20 ล้าน ผลกำไรกว่า 5 ล้านบาท ในระยะเวลาเพียง 17 เดือน โดยระบุว่า ได้จากการขายออนไลน์กับดิไอคอนกรุ๊ป ทำให้เกิดความหลงเชื่อในความน่าเชื่อถือ จากกลุ่มดาราและศิลปินที่โปรโมต ซึ่งตนเองยังได้เข้าร่วมการประชุมที่มีรถหรูซูเปอร์คาร์หลาย 10 คัน รวมถึงได้ร่วมรับประทานอาหารกับศิลปินยุค 90 คนดังกล่าว ยิ่งทำให้ตนเองตายใจ

จนกระทั่งเวลาผ่านไปตัวเองไม่สามารถหาสมาชิกรายอื่นมาต่อได้ เนื่องจากเข้าใจถูกระบบธุรกิจของบริษัทแล้วว่าเป้าหมายหลักไม่ใช่จากการจำหน่ายสินค้าที่ได้มาจากการสมัครเป็นดีลเลอร์ แต่เป็นการหาสมาชิกมาเป็นดีลเลอร์ต่อจากตนเองแล้วจะได้รับสินค้าจากบริษัท ทำให้สินค้าที่ตนเองได้มานั้นไม่สามารถขายออกได้ ถึงขั้นต้องนำไปบริจาคให้กับคนชรา เพราะสินค้าแต่ละชิ้นนั้นมีราคาที่สูงรวมไปถึงตนเองไม่อยากให้บุคคลอื่นตกเป็นเหยื่อต่อ ซึ่งการที่บริษัทดังกล่าวถูกแฉตนเองรู้สึกดีที่ประชาชนจะได้รับรู้และไม่ตกเป็นเหยื่อเหมือนเช่นตนเอง

ส่วนอีกรายนั้นคือนายนพมงคล อายุ 48 ปี พนักงานโรงงาน เปิดเผยว่า ตนเองและพี่สาวตกหลุมพรางลงทุนร่วมกันไปกว่า 500,000 บาท ถึงแม้จะมีผลกำไรได้กลับคืนมาบ้างแต่ก็เป็นเงินประมาณ 50,000 บาทเท่านั้น ส่วนสินค้านั้นไม่สามารถขายได้จนบางอย่างหมดอายุไปแล้ว โดยเริ่มลงทุนเมื่อช่วงปี 2564 แต่ก็ต้องตัดสินใจเลิกทำเพราะไม่สามารถหาสมาชิกมาต่อได้ และไม่อยากขึ้นชื่อว่าเป็นบุคคลที่หลอกลวงผู้อื่นมาติดกับธุรกิจขายตรงของบริษัทนี้ ในวันนี้ก็ได้นัดหมายกันเพื่อที่จะเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งหลังจากนี้อาจจะต้องเดินทางไปร้องเรียนต่อที่เจ้าหน้าที่สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ต่อไป

นอกจากนี้ผุ้เสียหายยังได้นำคลิปวิดีโอที่มีวิทยากรซึ่งเป็นดีลเลอร์ของบริษัทแห่งนี้สอนกลุ่มผู้เข้าร่วมประชุมในการทำธุรกิจขายตรงและโฆษณาถึงการประสบความสำเร็จมีผลตอบแทนอย่างมากมาย รวมถึงเอกสารหลักฐานในการสั่งซื้อสินค้ากับบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป และภาพถ่ายกับกลุ่มผู้ที่ร่วมลงทุน ร่วมรับประทานอาหารกับศิลปินอีกด้วย