เมื่อเวลา 12.20 น. วันที่ 12 ต.ค. ที่ชั้น 2 อาคารประชาอารักษ์ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. เดินทางเข้าร่วมประชุมติดตามกรณีผู้เสียหายหลายร้อยคน เข้าแจ้งความเอาผิดบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป โดยประชุมร่วมกับพล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม, พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ปคบ., พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป., พ.ต.อ.อุเทน นุ้ยพิน รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ โฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมคณะทำงาน

ต่อมาในเวลา 16.30 น. ภายหลังการประชุมร่วม 4 ชม. พล.ต.ต.โสภณ เปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่า วันนี้ได้มีประชาชนมาแจ้งความเพิ่ม 235 ราย ยอดรวมในรอบ 3 วันที่ผ่านมา ตั้งแต่วันที่ 10 ต.ค. ถึงปัจจุบัน มียอดรวมผู้เสียหาย 488 ราย มูลค่าความเสียหาย 178 ล้านบาท วันนี้ได้ขอศาลอาญาออกหมายค้นเพื่อเข้าตรวจค้นบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด และบริษัทในเครือ รวมทั้งโกดังสินค้าในพื้นที่ กทม. และอำเภอธัญบุรี จ.ปทุมธานี 9 จุด ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการตรวจค้น ซึ่งขณะเดียวกัน นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ บอสพอล ผู้บริหารบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด และอีกหลายคน ได้เดินทางเข้ามาพบพนักงานสอบสวน ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบปากคำที่ บก.ปคบ.

พล.ต.ต.โสภณ กล่าวว่า ฝากประชาสัมพันธ์ถึงประชาชนที่จะเดินทางมาแจ้งความ กรณีที่อยู่ต่างจังหวัด ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีวิทยุสั่งการด่วนให้พนักงานสอบสวนทั่วประเทศทุกท้องที่รับแจ้งความ ส่วนประเด็นการสอบสวน ได้ส่งให้พนักงานสอบสวนทุกท้องที่แล้ว สำหรับประชาชนที่มีภูมิลำเนาในต่างจังหวัด ไม่จำเป็นต้องเดินทางมาที่ บช.ก. สามารถไปแจ้งความได้ที่สถานีตำรวจท้องที่ที่ใกล้ที่สุด ทั้งนี้ที่ บช.ก. ในแต่ละวัน ได้จัดพนักงานสอบสวนไว้รองรับจำนวน 70 นาย พร้อมจัดอาหารว่างเครื่องดื่มไว้รองรับให้กับประชาชนที่เข้ามาแจ้งความ

พล.ต.ต.โสภณ ระบุว่า สำหรับการตรวจค้น เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 10 ต.ค. ซึ่งได้สอบพยานบุคคล และคำให้การ โดยในส่วนนี้ต้องมีรายละเอียดที่ต้องเชื่อมโยงหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม ทั้งพยานวัตถุและพยานเอกสาร ซึ่งผู้เสียหายต่างๆ รู้จักเพียงชื่อเล่น ทางพนักงานสอบสวนจะต้องแสวงหาข้อมูล เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานให้ครบถ้วนทุกมิติ อย่างไรก็ตามเมื่อวานนี้ นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เชิญสำนักงานตำรวจแห่งชาติ, อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ, สคบ., ปปง. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้มีข้อกำชับสั่งการให้ทำคดีให้รวดเร็ว และได้พูดคุยหารือกับสำนักงานเศรษฐกิจและการคลัง จากกระทรวงการคลัง ซึ่งดูแลในเรื่อง พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชนหรือแชร์ลูกโซ่ เข้ามาให้แนวทางกับทางตำรวจ อย่างไรก็ตามทางดีเอสไอ ได้ให้พนักงานสอบสวนของดีเอสไอ ดำเนินการในเชิงรุกสอบสวนควบคู่ไปกับตำรวจด้วย

และสำหรับเกณฑ์ที่สำนวนจะเข้าสู่ดีเอสไอหรือไม่นั้น พล.ต.ต.โสภณ กล่าวว่า ตรงนี้จะต้องให้ทางดีเอสไอเป็นผู้ให้คำตอบ แต่ทราบว่าทางดีเอสไอมีการดำเนินการอย่างเชิงรุก และทำการประสานกับทางตำรวจมาโดยตลอด

เมื่อถามว่าออกหมายจับได้หรือไม่ พล.ต.ต.โสภณ กล่าวว่า จะต้องรีบดำเนินการแสวงหาข้อเท็จจริง และหาพยานหลักฐานให้ครบถ้วนให้รอบด้าน ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลอยู่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ทำงานอย่างหามรุ่งหามค่ำ สำหรับการเข้าตรวจค้นหาพยานหลักฐานต่างๆ เจ้าหน้าที่ได้ดึงข้อมูลจากเซิร์ฟเวอร์ของบริษัท และตั้งทีมผู้เชี่ยวชาญของพนักงานสอบสวนมาช่วยดูเรื่องนี้ ทั้งนี้ พยานหลักฐานที่ได้จากการตรวจค้นในวันนี้ จะมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพื่อนำมาประกอบกับคำให้การของผู้เสียหายทั้งหมด ซึ่งได้มีการแยกประเภทของผู้เสียหาย เพราะมีพฤติกรรมที่อาจจะเสียเงินไปไม่เท่ากัน ตั้งแต่หลักพันถึงหลักแสน โดยบางรายได้รับโปรโมชั่นในการไปท่องเที่ยวที่ต่างประเทศด้วย จะต้องนำมาพิจารณา

ส่วนกรณีที่นายวรัตน์พล ได้เข้ามาพบพนักงานสอบสวนก่อน ตามขั้นตอนพนักงานสอบสวนจะต้องมีการซักถาม ชื่อนามสกุล ถิ่นที่อยู่ และต้องแจ้งรายละเอียดที่ผู้เสียหายได้มีการกล่าวโทษให้นายวรัตน์พลทราบ เมื่อทำตามขั้นตอนกระบวนการกฎหมายเสร็จสิ้น จะมีการปล่อยตัว เมื่อถามว่าหากปล่อยไปอาจจะมีการหลบหนีหรือไม่ พล.ต.ต.โสภณ กล่าวว่า เนื่องจากยังไม่พบพฤติการณ์ว่าจะมีการหลบหนี

ส่วนเรื่องการออกหมายจับกับผู้บริหารของบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป และดาราคนอื่นที่เกี่ยวข้อง พล.ต.ต.โสภณ กล่าวว่า ตอนนี้ผู้บริหารที่ถูกกล่าวหา คือ บอสพอล ที่เข้าข่ายความผิด พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ซึ่งการออกหมายจับในตอนนี้ยังทำไม่ได้ ยังอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานที่เป็นเอกสาร โดยเฉพาะการสอบปากคำผู้เสียหายรายบุคคล ซึ่งแต่คนละคนมีพฤติการณ์ที่แตกต่างกันไป รวมไปถึงการบุกเข้าตรวจค้นในครั้งนี้ เป็นสิ่งที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังพยายามจะหาหลักฐานที่เป็นเอกสารเชื่อมโยงของบริษัทฯ เพื่อนำไปสู่การแจ้งข้อกล่าวหากับผู้บริหารบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป และผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ส่วนบุคคลอื่นๆ ที่ทยอยเข้าพบพนักงานสอบสวนในตอนนี้ ยังไม่เข้าข่ายความผิดใด และยังไม่ถูกแจ้งข้อกล่าวหา นอกจากนี้ ทางพนักงานสอบสวนยังตรวจพบว่ามีบุคคลของบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป บางราย มีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ อีกด้วย

ส่วนกรณีที่ผู้บริหาร ดิไอคอน กรุ๊ป เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน ก่อนถูกออกหมายเรียกนั้น ทุกอย่างก็เป็นไปตามขั้นตอนกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 134 วรรคหนึ่ง เมื่อให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน จึงไม่สามารถควบคุมตัวไว้ได้ ต้องรอรวบรวมพยานหลักฐานก่อนถึงจะดำเนินการขั้นตอนต่อไป

ส่วนที่มีการเพ่งเล็งว่าบอสพอล เป็นคนไทยหรือไม่นั้น ในส่วนนี้ จะต้องมีการประสานงานกับกระทรวงมหาดไทย เพื่อไปดูรายละเอียดที่มาของบัตรประชาชนของเจ้าตัว และในส่วนที่มีกระแสข่าวว่า บัตรประชาชนของบอสพอลมีเลข 5 นำหน้า จะต้องไปถามกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ออกมาชี้แจงในกรณีนี้

เมื่อถามว่าหากปล่อยตัวไป หากผู้ต้องหาจะหลบหนี จะสามารถขอหนังสือเดินทางไว้เพื่อป้องกันการหลบหนีได้หรือไม่ พล.ต.ต.โสภณ กล่าวว่า ต้องขึ้นอยู่กับเจ้าตัวว่าจะให้เอกสารดังกล่าวหรือไม่ เนื่องจากในขณะนี้ยังไม่พบพฤติการณ์ในการหลบหนี