เมื่อวันที่ 12 ต.ค. นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ดูแล กทม. พร้อมทีมงาน ลงพื้นที่สังเกตสถานการณ์ระดับน้ำเจ้าพระยา และความพร้อมของประชาชนในการรับมือน้ำเหนือและน้ำทะเลหนุนที่ชุมชนตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งจุดที่อยู่หลังแนวป้องกันริมน้ำเจ้าพระยา และมักจะเกิดปัญหาน้ำทะลักเข้าท่วมทุกปี โดยนายสุชัชวีร์ ได้พาสื่อมวลชนมาสำรวจที่บริเวณศาลเจ้าโรงเกือก ติดกับริมน้ำเจ้าพระยา ซึ่งกรุงเทพมหานคร (กทม.) นำกระสอบทรายมาวางเป็นแนวกั้นน้ำ พร้อมกับติดตั้งเครื่องสูบน้ำไว้

นายสุชัชวีร์ กล่าวอีกว่า ชาวบ้านตรงนี้จะได้รับผลกระทบในช่วงน้ำทะเลหนุนตลอด วันนี้ต้องขอบคุณ กทม. ที่พยายามแก้ปัญหา โดยการเอากระสอบทรายและเครื่องสูบน้ำมาติดตั้ง แต่เป็นการแก้ปัญหาระยะสั้นได้เท่านี้จริงๆ และจากนี้ไป พื้นที่กรุงเทพฯ ไม่ได้ปลอดภัยจากน้ำท่วม โดยจะมีความเสี่ยงมากขึ้นในช่วงปลายปี มีทั้งน้ำเหนือ น้ำทะเลหนุน และน้ำฝนที่ตกในพื้นที่ จะดันระดับน้ำเจ้าพระยาให้สูงขึ้น สุดท้ายในอนาคต กรุงเทพฯ จะจมน้ำ ดังนั้นการแก้ปัญหาที่ถูกต้องควรวางแผนระยะกลาง คือการทำแก้มลิงใต้ดิน ไว้ในจุดเสี่ยงสำคัญ เพื่อกักเก็บน้ำในช่วงน้ำสูง ส่วนปัญหาระยะยาวต้องไปแก้ที่ต้นตอ คือปากแม่น้ำเจ้าพระยาที่ควรมีระบบเปิด-ปิดน้ำ เหมือนในประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่น ประเทศเนเธอร์แลนด์ ประเทศอิตาลี ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเขาใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 20 ปี ในการสร้าง

นายสุชัชวีร์ กล่าวว่า ตนจึงมาตอกย้ำ หากเราไม่เริ่มวางแผนในระยะกลาง และระยะยาว กทม. จะจมน้ำแน่ พรรคประชาธิปัตย์ จึงพร้อมให้การสนับสนุน กทม. และรัฐบาล เพื่อวางแนวทางการแก้ไข ซึ่งจะไม่ใช่เพื่อคนกรุงเทพฯ เท่านั้น แต่หมายถึงเพื่อลูกหลานในอนาคตด้วย ก่อนเดินทางต่อไปยังศาลเจ้าโจวซือก๋ง เพื่อดูระดับน้ำ

ด้านผู้ดูแลศาลเจ้าโรงเกือก นายบุญชู ภมรวรานนท์ กล่าวว่า การแก้ปัญหาระยะสั้น ก็ทำได้ระดับหนึ่ง แต่สิ่งที่พบ แม้น้ำไม่ได้ทะลักเข้าท่วม แต่อาคารบางส่วนทรุดตัวลง หากเกิดถล่มมาจริง ก็ไม่รู้ว่าจะไปเรียกร้องหรือถามหาความรับผิดชอบจากใคร แต่ปีนี้รู้สึกมั่นใจและเบาใจที่น้ำจะไม่ทะลักท่วมชุมชนตลาดน้อย เพราะได้รับการช่วยเหลือเบื้องต้นจาก กทม. แล้ว

จากนั้น นายสุชัชวีร์ ยังเดินทางต่อไปที่วัดมังกรกมลาวาส (วัดเล่งเน่ยยี่) เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย เพื่อสำรวจความคืบหน้าโครงสร้างของแก้มลิงใต้ดิน สำหรับกักเก็บน้ำกว่า 10,000 ลูกบาศก์เมตร ซึ่งถือเป็นตัวอย่างของโครงการที่จะผลักดันนำไปสู่การแก้ไขของรัฐบาลต่อไปด้วย