เมื่อวันที่ 9 ต.ค. ที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค นายจิติภัทร์ บุญสม ผู้อำนวยการกองคุ้มครองผู้บริโภคด้านธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรง (สคบ.) ได้เปิดเผยถึงกรณีธุรกิจเครือข่ายดังที่มีดาราเป็นผู้บริหารว่า บริษัทดังกล่าวที่เป็นกระแสขณะนี้ได้จดทะเบียนการค้ากับทางสคบ.ในปี 2562 โดยจดทะเบียนการค้าเป็นแบบตลาดตรง แต่ในปี 63 ได้มีการยื่นขอจดทะเบียนเป็นแบบขายตรง แต่ทางสคบ.พิจารณาแล้วว่าไม่เข้าเกณฑ์จึงไม่ได้อนุญาต แต่หากทางบริษัทดังกล่าวมีการเปลี่ยนการดำเนินการให้เป็นไปในลักษณะขายตรงก็มีสิทธิ์ทำได้ตามกฎหมายแพ่ง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าจะเข้าข่ายในเรื่องความผิด พรก.กู้ยืมเงินอันเป็นฉ้อโกงประชาชนหรือไม่ หากพบว่าเข้าข่ายความผิดก็จะดำเนินการส่งเรื่องไปให้ยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย

นายจิติภัทร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตั้งแต่ปี 63 จนถึงปัจจุบันได้มีผู้เสียหายเข้ามาร้องทุกข์จำนวน 15 ราย ในกรณีที่ลงทุนซื้อสินค้าจากธุรกิจดังกล่าวไปแล้วขายไม่ออก ต้องเรียนให้ทราบว่ากรณีดังกล่าวไม่เข้าเกณฑ์ผู้บริโภค เนื่องจากเป็นเพียงผู้ค้าที่ร่วมลงทุน แต่ทางสคบ. ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ มีการประสานไปยังบริษัทดังกล่าวและไกล่เกลี่ยให้คืนเงินบางส่วนกับผู้เสียหายไปแล้ว แต่ผู้เสียหายที่เป็นผู้บริโภคที่ซื้อสินค้าจากบริษัทดังกล่าวโดยตรงยังไม่มีผู้ใดเข้ามาร้องทุกข์หรือแจ้งความ

และสำหรับประเด็นที่มีดาราหรืออินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังร่วมเป็นพรีเซนเตอร์หรือผู้บริหารนั้น จะต้องตรวจสอบว่าจะเข้าข่ายโฆษณาเกินจริงหรือไม่ หากพบว่ามีการโฆษณาเกินจริงหรือชักชวนเกินจริงก็จะดำเนินการตามข้อกฎหมายพรบ.คุ้มครองผู้บริโภค

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ในปี 65 มีคลิปทางสคบ.เคยมอบโล่รางวัลให้กับผู้บริหารใหญ่ของบริษัทดังกล่าว ในวันคุ้มครองผู้บริโภค มีเกณฑ์พิจารณาอย่างไร นายจิติภัทร์ ระบุว่า เป็นกิจกรรมหนึ่งของวันคุ้มครองผู้บริโภคประจำปี ซึ่งการมอบรางวัลจะมีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาจากทุกกอง และจะให้ทางกองต่างๆ เสนอชื่อผู้ที่ทำคุณประโยชน์สนับสนุนงานของสคบ. ซึ่งในปีนั้นผู้บริหารของบริษัทดังกล่าวก็เข้าเกณฑ์และยังไม่ได้เรื่องร้องเรียนสำหรับบริษัทนั้น จึงได้มีการมอบรางวัลให้ อย่างไรก็ตามทางสคบ. หากตรวจพบความผิดของบริษัทดังกล่าวก็จะเสนอให้ทางคณะทำงานพิจารณาปลดโล่รางวัลกับตัวผู้บริหารดังกล่าวอีกครั้ง

เบื้องต้นทางสคบ. ได้มีการจัดตั้งทีมดูแลภาคประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนสำหรับเคสนี้แล้ว หากมีการมาร้องเรียนที่สคบ. ก็จะมีการรับเรื่องและให้คำแนะนำต่างๆ ก่อนจะประสานงานไปยังหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ทางสคบ.ยังไม่ได้รับการประสานจาก บก.ปคบ. ในการร่วมทำเคสนี้แต่อย่างใด แต่หากมีการประสานขอความร่วมมือก็ยินดีให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่.