เมื่อวันที่ 9 ต.ค. ที่ศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษ พื้นที่ 8 สุราษฎร์ธานี ร.ต.อ.ชาญณรงค์ ทับสาร รอง ผอ.ปฏิบัติคดีพิเศษภาค หัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 56/2566 กรณีทุจริตยักยอกทรัพย์สินของชุมนุมสหกร์ชาวสวนปาล์มน้ำมันกระบี่ พร้อมด้วย นายศุภชัย คำคุ้ม ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษ พื้นที่ 8 ร่วมกันสอบปากคำ นายชัยวุฒิ (สงวนนามสกุล) และนายสุธี (สงวนนามสกุล) ผู้ถูกกล่าวหาในคดี 56/2566 หลังได้ร้องต่อ ป.ป.ช. ว่าถูกข้าราชการระดับสูงหลอกให้เป็นผู้ลงนามจนเป็นเหตุให้ได้รับโทษทางคดีอาญา

ร.ต.อ.ชาญณรงค์ กล่าวว่า การสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 2 ในฐานะผู้ร้องต่อ ป.ป.ช. เพื่อยืนยันคำให้การ หลังทั้ง 2 ให้ปากคำกับ ป.ป.ช.ว่า กรรมการบริหารชุมนุมชุดชั่วคราวเป็นเหยื่อของการทุจริต ของข้าราชการระดับสูงตำแหน่งอดีตสหกรณ์จังหวัดกระบี่ และเจ้าหน้าที่ธนาคารแห่งหนึ่ง ได้ร่วมกันชักชวน เชิญชวนให้พวกตนมาลงนามขายโรงงาน

ซึ่งสอดคล้องกับการสอบปากคำพยานของ DSI ที่พบว่า การลงนามขายโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มกระบี่ จำกัด สาขาคลองท่อม อ.คลองท่อม จ.กระบี่ ของชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันกระบี่ จำกัด ของกลางที่ในคดีพิเศษที่ 56/2566 แต่ไม่ได้เงินตามมติการขายโรงงานเพื่อเสริมสภาพคล่องของชุมนุมสหกรณ์ฯ และคณะกรรมการฯที่ลงนามเป็นคณะกรรมการฯที่นายทะเบียนได้แต่งตั้งได้เพียง 11 วัน ในการแต่งตั้งกรรมการชุดชั่วคราว ผู้ที่ประสานจัดการแต่งตั้งล้วนแต่เป็นผู้ต้องหาคดีนี้ จึงน่าเชื่อว่าเจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมสหกรณ์ และเจ้าหน้าที่ตรวจบัญชีสหกรณ์ มีการรู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิด และสนับสนุนกระทำความผิด กับผู้ต้องหาร่วมกับข้าราชการระดับของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งเป็นผู้อายัดทรัพย์ของของกลาง

ร.ต.อ.ชาญณรงค์ กล่าวด้วยว่า การสอบปากคำ ในครั้งนี้มีประโยชน์ต่อรูปคดีเป็นอย่างมาก ได้เห็นแผนประทุษกรรมของผู้กระทำความผิด ร่วมกับข้าราชการระดับผู้อำนวยการสูง อย่างน้อย 2 กรม ที่เกี่ยวข้องกับคดีทุจริต ยักยอกทรัพย์สินของชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันกระบี่ นอกจากนั้นในการสอบปากคำและการรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม ยังมีเจ้าหน้าที่ระดับชำนาญการและขำนาญการพิเศษ ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ เข้าไปมีส่วนเข้าไปร่วมการกระทำผิดด้วย คดีนี้จึงเป็นคดีหนึ่งที่น่าเห็นใจ เหยื่อโดยเฉพาะเกษตรกรผู้มีส่วนได้เสียมากว่า 50,000 ครอบครัว มูลค่าความเสียหายร่วม 1,000 ล้านบาท ซึ่งคณะพนักงานสอบสวนจะเร่งสรุปสำนวน มีความเห็นทางคดีและส่งสำนวนไปยังอัยการปราบปรามการทุจริต เพื่อฟ้องต่อศาลได้ภายในเดือน ธ.ค. 67 นี้

“คดีนี้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้กำชับให้พนักงานสอบสวน สืบสวนสอบสวนให้ความเป็นธรรม กับทุกฝ่าย โดยที่ พ.ต.ต.ยุธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้เรียกประชุมพนักงานสอบสวนและได้ให้นโยบาย ต่อการสืบสวนสอบสวนอย่างรัดกุม เนื่องจากในคดีนี้ผู้ต้องหาในคดี ได้ฟ้องคณะพนักงานสอบสวนและกรมสอบสวนคดีพิเศษ ถึง 3 ศาล ประกอบด้วยฟ้องคดี ศาลอาญาปราบปรามทุจริตประพฤมิชอบกลาง ฟ้องแพ่งที่ศาลจังหวัดกระบี่และฟ้องศาลปกครองจังหวัดภูเก็ต ซึ่งศาลปราบปรามทุจรติประพฤติมิชอบกลาง ยกฟ้องไปแล้วเมื่อวันที่ 26 ก.ย. 67 ที่ผ่านมา ส่วนศาลจังหวัดกระบี่ ได้เลื่อนการไต่สวนในวันที่ 31 ต.ค. 67 นี้” ร.ต.อ.ชาญณรงค์ กล่าว

ขณะที่ นายเทพพิทักษ์ วงศ์ไชภาคย์ แกนนำเครือข่ายผู้มีส่วนได้เสีย และสหกรณ์สมาชิกของสหกรณ์ชุมนุมชาวสวนปาล์มจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า จากการทุจริตของสหกรณ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันกระบี่ จำกัด ส่งผลต่อสมาชิกสหกรณ์ที่เป็นสหกรณ์สมาชิกอย่างมาก บางรายต้องขายทรัพย์สิน เพื่อมาสู้กับความไม่เป็นธรรม โดยเฉพาะผู้ร้องขอความเป็นธรรมทั้ง 2 ราย ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการเป็นผู้แทนของสมาชิกสหกรณ์ในการเข้าไปเป็นคณะกรรมการเพียง 5 เดือน 17 วัน ได้ประชุม 17 ครั้ง ได้ทำหน้าที่อย่างยอดเยี่ยม แต่กลับตกเป็นเหยื่อ เป็นผู้ถูกกล่าวหาเนื่องจากนายทะเบียนสหกรณ์ กรมส่งเสริมสหกรณ์ ถอดถอนทั้งชุดคณะกรรมการ นอกจากหมดอนาคตในการบริหารสหกรณ์แล้ว ในทางด้านสังคม วิถีชีวิตความเป็นอยู่ก็ล้มเหลวตามไปด้วย จึงไม่ได้รับความเป็นธรรม จนต้องลุกขึ้นมาสู้แทนเกษตรกร เพื่อให้ความเป็นธรรมเกิดขึ้นกับสมาชิกสหกรณ์ฯ ทุกรายที่มีส่วนได้เสีย

นอกจากนั้น ข้าราชการระดับสูงของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ยังมีความเห็นให้ผู้ต้องหาครอบครองนำโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มที่ได้จากการกระทำความผิดไปครอบครองใช้ประโยชน์ทำเงินได้หลายพันล้านบาท ทั้งๆที่ควรเป็นเงินของสมาชิกสหกรณ์ จึงได้ยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ให้สืบสวนสอบสวนไต่สวนเอาผิดกับข้าราชการที่ร่วมกระทำความผิด ตามอำนาจหน้าที่ของกฎหมายป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ.2561 วันนี้ดีใจที่ความพยายามของพวกเราในการต่อสู้ใกล้จะสำเร็จแล้ว

สำหรับคดีทุจริต ยักยอกทรัพย์สินของชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันกระบี่ หลังชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันกระบี่ ซึ่งประกอบธุรกิจโรงสกัดน้ำมันปาล์ม ได้ประกาศปิดกิจการชั่วคราว อ้างว่าชุมนุมฯ ขาดสภาพคล่อง จากการบริหารผิดพลาดของคณะกรรมการบางคน ที่ไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบข้อบังคับของสหกรณ์ ปล่อยให้มีการค้าน้ำมันดิบกับบริษัทฯ โอพีจีเทค จำกัด ถึง 4 ครั้ง รวมเป็นเงิน 395 ล้านบาท แต่ไม่สามารถเรียกเก็บได้แม้แต่ครั้งเดียว จนไม่มีทุนหมุนเวียน ในการรับซื้อผลปาล์มน้ำมันจากสมาชิก

และต่อมาได้ประกาศขายโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มคลองท่อมเพื่อนำเงินมาเสริมสภาพคล่อง แต่จากการตรวจสอบสัญญาจะซื้อจะขายพบว่าไม่เป็นธรรม สมาชิกฯ จึงได้มีการร้องเรียนไปยัง กรมสอบสวนคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษได้สอบสวนเป็นคดีพิเศษที่ 215/2565 จากการสอบสวนพบว่ามีเจ้าหน้าที่ของรัฐมีส่วนเกี่ยวข้องในการทุจริต จึงได้ส่งสำนวนการสอบสวนไปยังคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ ต่อมาคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติส่งเรื่องให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษดำเนินการ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตพ.ศ. 2561 มาตรา 61 วรรคสองซึ่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษอนุมัติให้รับเป็นคดีพิเศษที่ 56/2566 และมอบหมายให้กองปฏิบัติการคดีพิเศษภาคเป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการสอบสวนตามกฎหมาย.