การศึกษาวิจัยของมหาวิทยาลัยการแพทย์กวางโจว และ มหาวิทยาลัยการแพทย์อันฮุย (จีน) ที่ร่วมกับ คิงส์คอลเลจลอนดอน มหาวิทยาลัยวูล์ฟแฮมป์ตัน และ มหาวิทยาลัยนอตติงแฮม (สหราชอาณาจักร) เพื่อศึกษาพฤติกรรมการกินไข่ของกลุ่มตัวอย่างจำนวน 500 คน ครึ่งหนึ่งเป็นกลุ่มคนที่มีภาวะสมองเสื่อม ส่วนที่เหลือเป็นกลุ่มคนที่มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง

นิสัยการกินไข่ของกลุ่มตัวอย่าง
3% กินไข่วันละ 2 ครั้ง
13.5% กินไข่วันละครั้ง
35% กินไข่ทุกวัน
36.7% กินไข่สัปดาห์ละครั้ง
12% กินไข่เดือนละครั้ง

ผลลัพธ์ที่ตีพิมพ์ในวารสารวิทยาศาสตร์ Nutrients พบว่า คนที่กินไข่สัปดาห์ละครั้ง มีความเสี่ยงภาวะสมองเสื่อมสูงกว่าคนที่กินไข่ทุกวัน 76%

ส่วนคนที่กินไข่เดือนละครั้ง มีความเสี่ยงภาวะสมองเสื่อมสูงกว่าผู้ที่กินไข่ทุกวันสูงถึง 334%

ด้วยเหตุนี้ นักวิจัยจึงสรุปว่าการบริโภคไข่เป็นประจำ มีประโยชน์อย่างชัดเจนในการป้องกันโรคอันตรายที่ส่งผลต่อสมอง

สาเหตุเพราะไข่อุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 โคลีน สารต้านอนุมูลอิสระ และโปรตีน

อย่างไรก็ตาม การกินไข่มากกว่า 2 ฟองต่อวัน สามารถเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลได้ ซึ่งจะไปเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะสมองเสื่อมได้

การศึกษาหลายชิ้นก่อนหน้านี้แสดงให้เห็นว่า แม้หลายคนจะกลัวการกินไข่ เพราะกังวลเรื่องคอเลสเตอรอลที่เพิ่มขึ้น แต่การบริโภคในระดับปานกลางจะส่งผลดีต่อสุขภาพในหลาย ๆ ด้าน

จากการศึกษาระดับนานาชาติก่อนหน้านี้บางชิ้น แสดงให้เห็นว่า การกินไข่ไก่ขนาดใหญ่ประมาณ 3-4 ฟองต่อสัปดาห์ หรือกินไข่ไก่ขนาดกลาง 1 ฟองต่อวัน ถือเป็นระดับการบริโภคที่ปลอดภัย ไม่ต้องกังวลเรื่องคอเลสเตอรอล.

ที่มาและภาพ : soha