เมื่อวันที่ 8 ต.ค.นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เป็นประธานการประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานภายใต้สังกัด ทส. ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อติดตามสถานการณ์พื้นที่ประสบอุทกภัย และการเข้าช่วยเหลือฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบร่วมกับหน่วยงานในระดับจังหวัด หน่วยงานท้องถิ่น และประชาชนในพื้นที่ เพื่อเตรียมพร้อมรับสถานการณ์หลังน้ำลด ทั้งการจัดการขยะมูลฝอย การป้องกันน้ำท่วมขัง การจัดเตรียมพื้นที่รองรับดินโคลน ตลอดจนการจัดตั้งจุดให้บริการน้ำดื่มแก่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยมี นางอรนุช หล่อเพ็ญศรี รองปลัด ทส.ผู้บริหาร ทส. พร้อมด้วยผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงใหม่ (ทสจ.เชียงใหม่) ผอ.สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 เชียงใหม่ ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 (เชียงใหม่) ผอ.สำนักงานทรัพยากรน้ำภาค 1 ผอ.สำนักทรัพยากรน้ำบาดาลเขต 1 (ลำปาง) สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 (เชียงใหม่) ศูนย์เทคโนโลยีดิจิทัลและอากาศยาน และกองตรวจราชการ สำนักงานปลัด ทส.เข้าร่วมการประชุมหารือและรายงานสถานการณ์ปัจจุบันของพื้นที่ที่ประสบอุทกภัย ณ ห้องประชุม ชั้น 17 กระทรวงทรัพยากรฯ และผ่านระบบการประชุมทางไกล VDO Conference

นายจตุพร ได้แสดงความห่วงใยต่อประชาชน รวมถึงสัตว์ป่าและสัตว์เลี้ยงที่ประสบปัญหาอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยกำชับให้ทุกหน่วยงานภายใต้สังกัดกระทรวงฯ ยังคงระดมกำลังเข้าให้ความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง โดยมอบหมายให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และกรมป่าไม้ นำกำลังพลประสานความร่วมมือแบ่งพื้นที่การเข้าช่วยเหลือประชาชนร่วมกับจังหวัดเชียงใหม่ให้ชัดเจน และให้จัดหาพื้นที่ป่าในบริเวณใกล้เคียงสำหรับรองรับดินโคลนจากการทำความสะอาดบ้านเรือนประชาชน พร้อมทั้งมอบหมายให้กรมทรัพยากรน้ำ กรมควบคุมมลพิษ และ ทสจ.เชียงใหม่ เร่งตรวจสอบพื้นที่ที่จะมีท่วมขังหลังจากน้ำลด เพื่อเข้าดำเนินการสูบน้ำออก ป้องกันการเกิดปัญหาน้ำเน่าเสีย และมอบหมายให้กรมทรัพยากรน้ำบาดาล จัดหาน้ำดื่มสะอาดตั้งจุดแจกจ่ายให้กับประชาชนอย่างต่อเนื่องและทั่วถึง

พร้อมทั้งสั่งการให้เฮลิคอปเตอร์ของ ทส. บินสำรวจพื้นที่ตามเส้นทางน้ำเพื่อติดตามสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง และประเมินความเสี่ยงการเกิดอุทกภัย โดยเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงฯ ทำงานอย่างรวดเร็ว เพื่อให้สถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุดเนื่องด้วยจังหวัดเชียงใหม่เป็นเมืองท่องเที่ยว และเพื่อบรรเทาความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับพี่น้องประชาชน