ประกาศชัดแล้วว่า ไม่เกินกลางปี 68 บริษัท การบินไทย จำกัด(มหาชน) จะก้าวออกจากแผนฟื้นฟูกิจการบริษัทฯ ได้ตามธงที่วางไว้ และพร้อมเดินหน้าสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน ภายใต้แนวคิด “Fly for The New Pride” สู่ขอบฟ้าใหม่แห่งความภูมิใจ หลังจากต้องเผชิญกับวิกฤติธุรกิจอย่างหนักหน่วง และใช้เวลาเกือบ 4 ปีที่จะฟื้นคืนชีพเพื่อกลับมายิ่งใหญ่ เป็นสายการบินแห่งชาติ ที่จะสร้างความภาคภูมิใจให้กับคนไทย และประเทศไทยอีกครั้ง

การกลับมาทะยานโลดแล่นบนท้องฟ้าอย่างแข็งแกร่งครั้งใหม่นี้ “การบินไทย” ยังคงวางกลยุทธ์ในการบริหารฝูงบิน และเส้นทางการบิน เพื่อเพิ่มรายได้ และสร้างกำไรในทุกเส้นทางบิน เน้นเชื่อมต่อเครือข่ายเส้นทางบินตอบสนองความต้องการของผู้โดยสารทั่วโลก โดยเฉพาะเส้นทางยุโรป เส้นทางหลักที่สร้างรายได้ให้บริษัทฯ โดยครองสัดส่วน 30% ของเส้นทางบิน รวมทั้งจะยกระดับการบริการทุกด้าน เพื่อสร้างความประทับใจให้ผู้โดยสาร

ล่าสุด “การบินไทย” จัด “Media Trip” นำคณะสื่อมวลชน นั่งเครื่องบินลัดฟ้าบินตรงจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ประเทศไทย สู่ท่าอากาศยานมิลาโนมัลเปนซา เมืองมิลาน สาธารณรัฐอิตาลี เพื่อประชาสัมพันธ์เส้นทางบินไป-กลับ “กรุงเทพฯ-มิลาน” มีนายชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท การบินไทยฯ ร่วมเดินทางด้วย ซึ่งเส้นทางนี้เป็นอีกเส้นทางตัวอย่างที่สามารถเชื่อมต่อการเดินทางจากประเทศไทย และประเทศในแถบภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ไปยังเมืองหลักอื่นๆ ในยุโรปได้อย่างสะดวกสบายไร้รอยต่อ ด้วยเครือข่ายพันธมิตรการบินสตาร์อัลไลแอนซ์

การเดินทางจากกรุงเทพฯ สู่มิลาน ใช้เวลาประมาณ 12 ชั่วโมง “การบินไทย” กลับมาเปิดเส้นทางนี้อีกครั้งเมื่อวันที่ 1 ก.ค.2567 หลังจากหยุดให้บริการไปในช่วงโควิด-19 ทำการบินตรงทุกวันๆ ละ 1 เที่ยวบิน(ไป-กลับ) ด้วยเครื่องบินแบบโบอิ้ง 787 ราคาบัตรโดยสาร เริ่มต้นหลักหมื่น ถึงหลักแสน แล้วแต่ระดับชั้นโดยสารที่เลือก ตารางบิน(Slot) ถือว่าดีมาก ขาไป บินออกจากกรุงเทพฯ กลางคืน ถึงมิลานเช้า ขณะที่ขากลับ บินออกจากมิลานบ่าย ถึงกรุงเทพฯ เช้า ลงเครื่องปุ๊ปเที่ยวต่อได้เลย ปัจจุบันการบินไทยบินสู่ยุโรปแล้ว 10 เมือง และปลายปีนี้เตรียมเปิดเส้นทางบิน “บรัสเซลส์” ประเทศเบลเยี่ยม เพิ่มอีก 1 จุดบิน

สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น เส้นทาง “มิลาน” ได้รับการตอบรับดีมาก ผู้โดยสารเต็มลำทั้งไป และกลับจริงๆ90% เป็นชาวต่างชาติ สอดคล้องกับคำบอกเล่าของ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท การบินไทยฯ ที่ระบุว่า อัตราบรรทุกผู้โดยสาร ไม่เคยต่ำกว่า 85% มียอดจองล่วงหน้ามาต่อเนื่อง มั่นใจว่าเส้นทางนี้จะสามารถทำตลาดได้ดี ซึ่งนอกจาก “มิลาน” หรือ “มิลาโน่ (Milano)” จะมีสถาปัตยกรรมเก่าแก่ที่สวยงามแล้ว ยังเป็นเมืองแฟชั่นระดับโลก และเที่ยวบินนี้ยังมีเรื่องราว(Story) ของอาหาร และเครื่องดื่มชั้นเลิศจาก “อิตาลี” เสิร์ฟให้บริการแก่ผู้โดยสารด้วย

ในโอกาสนี้ “การบินไทย” ได้พาบุก “ฟาร์มคาเวียร์จาเวรี (Caviar Giaveri Farm)” ผู้ผลิตคาเวียร์ชั้นนำระดับโลก เปิดมากว่า 40 ปี เพื่อให้เห็นขั้นตอนกว่าจะได้มาของ “คาเวียร์” วัตถุดิบอาหารชั้นเลิศสุดพรีเมียมที่“การบินไทย” รังสรรค์เสิร์ฟบนเครื่องบินให้แก่ผู้โดยสารชั้นหนึ่ง(First Class) และชั้นธุรกิจ(Business Class) เส้นทาง กรุงเทพฯ-มิลาน รวมถึงเส้นทางบินอื่นด้วย เริ่มตั้งแต่การเลี้ยงปลาสเตอร์เจียนในน้ำแร่ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้การผลิต “คาเวียร์” มีคุณภาพ โดยน้ำต้องสะอาดบริสุทธิ์ เหมือนอยู่ในแหล่งน้ำธรรมชาติ และมีการควบคุมอุณหภูมิด้วย

 เมื่อผ่านำไข่ออกมาแล้วกว่าจะนำไปใช้ได้ ต้องใช้เวลาเก็บไว้ 2 ปี บางสายพันธุ์นานถึง 4 ปี จากนั้นจึงจะนำมาบรรจุในหีบห่อ และเก็บในอุณหภูมิ -2 องศาเซลเซียส ซึ่งในการปรุงคาเวียร์ต้องใส่เกลือเป็นส่วนผสมเพียงเล็กน้อย ไม่ให้มีรสชาติเค็มมาก อย่างไรก็ตามฟาร์มแห่งนี้ผลิตคาเวียร์ได้ปีละ 14,000 กิโลกรัม(กก.) ในจำนวนนี้จัดสรรให้ “การบินไทย” 400 กก. โดยบรรจุใส่ในตลับๆ ละประมาณ 20 กรัม ก่อนนำไปเสิร์ฟด้วยการวางตลับคาเวียร์แช่บนถ้วยน้ำแข็ง ซึ่งปัจจุบันเสิร์ฟตลับคาเวียร์ให้กับผู้โดยสารชั้นหนึ่ง ส่วนชั้นธุรกิจ นำคาเวียร์มาเป็นเครื่องปรุงแต่ง(Topping) โรยในอาหารต่างๆ  

“สาเหตุที่เลือกใช้ “คาเวียร์” จากฟาร์มคาเวียร์จาเวรีเนื่องจากเป็นรายเดียวจากรายในอิตาลีที่มีฟาร์มเลี้ยงปลาเป็นของตัวเองสามารถควบคุมคุณภาพผลผลิตได้และเป็นที่ยอมรับในบรรดานักชิมคาเวียร์ทั่วโลกในด้านของรสชาติขณะที่แห่งอื่นๆนำไข่มาจากประเทศสโลวีเนียไม่ได้เลี้ยงเอง” นายชายกล่าว

นอกจากนี้ยังพาเทสต์รสชาติไวน์ “Amarone”  ไวน์แดงชั้นเลิศของอิตาลี ผลิตจากองุ่น เป็นหนึ่งในไวน์ที่“การบินไทย” คัดสรรมาเสิรฟ์ให้ผู้โดยสารทุกชั้นโดยสาร โดยมีการคัดเลือกอย่างโปร่งใส เชิญ “ซอมเมอลิเยร์” ผู้เชี่ยวชาญเรื่องไวน์ 5 คนมาเป็นผู้คัดเลือก มีกระบวนการทดสอบ เมื่อคัดเลือกได้แล้วจะดูด้วยว่าเป็นที่ชื่นชอบของนักบริโภคไวน์หรือไม่ ซึ่งไวน์ “Amarone”  ได้รับการตอบรับดีมาก เป็นตัวท็อปที่ผู้โดยสารชื่นชอบ มีความเข้มข้น มีแอลกอฮอล์ 14.5%

การบินไทย” สายการบินหนึ่งเดียวที่บินตรงจากกรุงเทพฯ สู่มิลาน พร้อมกับบริการสุดพรีเมียมที่ตั้งใจคัดสรรวัตถุดิบที่ดีที่สุด เพื่อมอบความสุข ความประทับใจให้แก่ผู้โดยสารบนเที่ยวบิน.

………………………………………..
มณีรัตน์ ศิริปัญจนะ

***ห้ามคัดลอกเนื้อหาและภาพในบทความนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

คลิกอ่านบทความทั้งหมดที่นี่…