เมื่อวันที่ 7 ต.ค. นพ.เฉลิม หาญพาณิชย์ อดีตนายกสมาคมโรงพยาบาลเอกชน กล่าวว่า จากการหารือร่วมกับสำนักงานประกันสังคม (สปส.) เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อหาทางออกในการก้ปัญหาเรื่องอัตราค่ารักษาพยาบาลที่ สปส. กำหนดจ่ายให้กับโรงพยาบาลคู่สัญญาในการให้บริการรักษาผู้ประกันตน ได้กำหนดให้มีการตั้งคณะอนุกรรมการมาศึกษาเรื่องอัตราการจ่ายเงินดีอาร์จี (Diagnosis Related Group : DRG หรือ กลุ่มวินิจฉัยโรคร่วม) มากกว่า 2 และปรับอัตราค่าบริการรายการในแต่ละหมวดให้มีความเป็นปัจจุบัน เพราะบางรายการไม่ได้มีการปรับเพิ่มมานานแล้ว โดยต้องมีการพิจารณาตัวแปรที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นอัตราการใช้บริการเพิ่มขึ้นหรือไม่ ต้นทุนการให้บริการการแพทย์ต่อหน่วยเป็นเท่าไหร่ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม จนตอนนี้ยังไม่เห็นหนังสือคำสั่งแต่งตั้งออกมาแต่อย่างใด
“ปัญหาหลักคือดีอาร์จีมากกว่า 2 ปกติในอดีตเขาจ่ายในอัตราประมาณ 12,800 บาท แต่พอมาถึงปี 2565 เดือนสุดท้าย จ่ายเหลือแค่หมื่นเดียว พอมาปี 2566 จ่ายแค่ 7,200 บาท ตรงนี้เหตุผลเพราะเขาไม่ได้ปรับอัตราการรักษาโรคซับซ้อนดีอาร์จีมากกว่า 2 มา 5 ปี แล้ว แต่อัตราการใช้บริการเพิ่มขึ้น ขณะที่เงินเท่าเดิม ทำให้อัตราต่อหน่วยลดลง อันนี้แหละที่เขาต้องแก้ เพราะอัตรการใช้บริการเพิ่มขึ้นทุกปี” นพ.เฉลิม กล่าวและว่า ต้องมีการตั้งอนุกรรมการฯ และทำให้ได้ข้อสรุปโดยเร็ว เพราะในหนังสือของสมาคมโรงพยาบาลเอกชนที่ส่งถึง สปส. ก็ย้ำว่า ต้องมีข้อสรุปก่อนจะมีการเซ็นสัญญาเป็นโรงพยาบาลคู่สัญญาปี 2568 ซึ่งปกติ จะมีการทำสัญญากันประมาณปลายๆ ปี ดังนั้นคิดว่า สัปดาห์หน้าก็น่าจะมีหนังสือแต่งตั้ง และใช้เวลาในการทำงานไม่นาน เพราะมีข้อมูลครบอยู่แล้ว ส่วนตำแหน่งเลขาธิการ สปส. ยังว่างอยู่นั้น ไม่น่าจะเป็นปัญหา เพราะอดีตเลขาฯ สปส. อย่างนายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปัจจุบันขึ้นไปเป็นปลัดกระทรวงแรงงานแล้ว ก็เคยให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อว่า ตัวเขาดูแลทุกหน่วยงานในสังกัดอยู่แล้ว
นพ.เฉลิม กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ สำหรับตัวเลขค่าดีอาร์จีนั้น ทางสมาคมโรงพยาบาลเอกชนต้องการค้ำประกันพื้นฐานอยู่ที่ 15,000 บาท และมีการรายการอื่นที่ไม่มีการปรับมานานแล้วราวๆ 3-4 รายการ เพราะที่ผ่านมา มีเพียงรายการเดียวที่ปรับเพิ่มคือค่าหัวที่ปรับเพิ่มมาเป็น 1,808 บาท เมื่อปีเศษๆ ที่ผ่ามา นอกนั้นไม่ได้ปรับเลย จากที่มีอยู่ 5 หมวดคือ ค่าหัว และ 21 โรคเรื้อรัง โรคค่าใช้จ่ายสูง และกลุ่มโรคร่วมดีอาร์จีมากกว่า 2 ส่วนกลุ่มทันตกรรมนั้นไม่ได้มีประเด็นปัญหา เพราะ สปส. ค้ำประกันราคาอยู่แล้วที่ 900 บาท ต่อปี
อดีตนายกสมาคมโรงพยาบาลเอกชน กล่าวอีกว่า สำหรับโรงพยาบาลเอกชนต่างๆ ที่เป็นคู่สัญญากับ สปส. อยู่นั้น วันนี้เรามีการคุยกัน หาก สปส. ไม่มีการปรับอัตรการจ่ายค่าบริการเหล่านี้ ก็จะออกจากการเป็นคู่สัญญา และขณะนี้มีโรงพยาบาลที่ร่วมลงชื่อแล้ว 70 กว่า แห่ง เพราะเห็นว่า ถ้ายังทำต่อไปก็มีแต่ลำบาก เพราะอัตราการจ่ายไม่สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง อย่างไรก็ตาม ตอนนี้โรงพยาบาลเหล่านี้ก็ยังรอบทสรุปอยู่ ส่วนโรงพยาบาลที่ลาออกจากการเป็นคู่สัญญาไปแล้ว โดยไม่รอข้อสรุป มี 2 แห่ง คือ รพ.ซีจีเอชสายไหม และรพ.กรุงเทพสุราษฎร์ธานี มีผู้ประกันตนราวแสนกว่าคน ที่ต้องหาโรงพยาบาลใหม่.