นายกิตติพันธ์ พานสุวรรณ รองปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากกรมศิลปากร เรื่อง สถานการณ์และสำรวจผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมต่อโบราณสถาน จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมเมื่อเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา พบว่าหลายพื้นที่น้ำลดลงเป็นปกติแล้ว แต่โบราณสถานหลายแห่งยังคงมีน้ำท่วมขัง โดยเฉพาะในพื้นที่ ต.คลองสระบัว เช่น โบราณสถานวัดพระงาม วัดปราสาท วัดพระยาแมน วัดกุฎีทอง ซึ่งอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา สำนักศิลปากรที่ 3 พระนครศรีอยุธยา จะเข้าตรวจสอบพื้นที่และสำรวจความเสียหายอย่างละเอียดต่อไป ด้าน จ.นครราชสีมา เกิดฝนตกหนักทำให้ระดับน้ำสูงขึ้นและส่งผลกระทบต่อโบราณสถานพระนอน อ.สูงเนิน สำนักศิลปากรที่ 10 นครราชสีมา ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ โดยทางวัดธรรมจักรเสมาราม และประชาชนในพื้นที่ได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพื่อเร่งระบายน้ำที่ท่วมขังโบราณสถาน และกองพันทหารราบ มณฑลทหารบกที่ 21 กองทัพภาคที่ 2 ได้ดำเนินการก่อกระสอบทรายป้องกันน้ำล้นเข้าสู่ตัวโบราณสถานแล้ว

นายกิตติพันธ์ กล่าวต่อไปว่า ส่วนสถานการณ์ในพื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งเกิดฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับแม่น้ำเจ้าพระยามีระดับน้ำสูงขึ้น ส่งผลให้วัดอรุณราชวรารามระบายน้ำไม่ทัน น้ำหนุนเข้าท่อระบายน้ำ และท่วมขังภายในเขตพุทธาวาส ส่วนวัดกำแพงบางจาก เขตภาษีเจริญ ได้รับความเสียหายจากฝนตก ทำให้น้ำฝนรั่วเข้าสู่ภายในอุโบสถ ส่งผลให้โครงสร้างไม้ภายในอาคารเสียหาย เช่นเดียวกับศาลเจ้าเกียนอันเกง เขตธนบุรี มีน้ำฝนรั่วเข้าสู่ภายในอาคารศาลเจ้า ทำให้โครงสร้างไม้ภายในอาคารเสียหาย ซึ่งกองโบราณคดี ได้เข้าดูแลและแก้ไขปัญหาในเบื้องต้น พร้อมเร่งดำเนินการซ่อมแซมส่วนที่เสียหาย อย่างไรก็ตาม ได้กำชับให้ทุกหน่วยงานเร่งฟื้นฟูโบราณสถานที่ได้รับความเสียหายโดยด่วน พร้อมทั้งติดตามสถานการณ์น้ำเพื่อเตรียมความพร้อมในการรับมือต่อไป ทั้งนี้ยืนยันว่า โบราณสถานทั่วประเทศส่วนใหญ่ยังอยู่ในสถานการณ์ที่ปลอดภัย