เมื่อวันที่ 4 ต.ค. รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ แถลงการณ์ (ฉบับที่ 3) อาการบาดเจ็บของเด็กนักเรียน 2 คน ที่ประสบอุบัติเหตุรถบัสทัศนศึกษา โรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี เกิดอุบัติเหตุไฟไหม้ ว่าวันนี้เป็นการรักษาพยาบาลเป็นวันที่ 3 ซึ่งแพทย์ได้ประเมินอาการและให้การรักษาดังนี้ รายที่ 1 เด็กหญิงอายุ 7 ปี แพทย์ประเมินแล้วว่า ร่างกายถูกไฟไหม้บริเวณใบหน้า และลำตัว ความรุนแรง ระดับที่ 2 ทั้งหมดประมาณ 13% สัญญาณชีพปกติ หยุดการให้ยากระตุ้นความดันโลหิต ผู้ป่วยหายใจผ่านท่อช่วยหายใจโดยการใช้เครื่องช่วยหายใจ สามารถลดการช่วยเหลือจากเครื่องช่วยหายใจ ให้ยาแก้ปวด และให้ยานอนหลับต่อเนื่อง ปัสสาวะออกปกติ เริ่มรับอาหารทางการแพทย์ผ่านสายให้อาหารทางจมูก  ได้รับการประเมินทางเดินหายใจด้วยการส่องกล้องทางเดินหายใจโดยกุมารแพทย์ด้านระบบทางเดินหายใจ พบทางเดินหายใจบวมลดลง ใช้อุปกรณ์บีบคลายขาทั้ง 2 ข้าง เพื่อป้องกันลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำส่วนลึกอุดตัน แผลดี ปากบวมลดลง ไม่พบการติดเชื้อของแผล และยังคงต้องทำความสะอาดแผลและป้ายยาต้านจุลชีพวันละครั้ง ทีมแพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูใช้เฝือกร่วมกับอุปกรณ์ประคองมือและแขนสูง เพื่อช่วยลดบวม และมีแผนใส่อุปกรณ์รัดลดแผลเป็นในลำดับถัดไป เปลือกตาและเยื่อตายุบบวมลง สามารถหลับตาลืมตาพอได้ เยื่อหุ้มรก และ eye corneal shield อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม ทั้ง 2 ข้าง

รายที่ 2 เด็กหญิงอายุ 9 ปี แพทย์ประเมินแล้วว่า ร่างกายถูกไฟไหม้บริเวณใบหน้า คอ แขน และมือ ทั้ง 2 ข้าง แผลไหม้ระดับที่สอง ทั้งหมดประมาณ 30% สัญญาณชีพปกติ แต่ยังคงต้องใส่ท่อช่วยหายใจ สามารถลดการช่วยเหลือจากเครื่องช่วยหายใจได้ เริ่มรับอาหารทางการแพทย์ผ่านสายให้อาหารทางจมูกได้  ให้ยาแก้ปวด และให้ยานอนหลับต่อเนื่อง สามารถลดการให้สารน้ำและเกลือแร่ทดแทนเข้าทางหลอดเลือดดำได้ โดยประเมินสารน้ำในร่างกายมีภาวะน้ำเกิน เริ่มให้ยาขับปัสสาวะทางหลอดเลือดดำ บาดแผลบริเวณใบหน้ายุบบวมลง ความดันบริเวณแขนทั้ง 2 ข้างลดลง เนื้อเยื่อผิวหนังดีขึ้น กระบวนการอักเสบลดลง มีการฟื้นฟูของเนื้อเยื่อ ผิวหนัง ทีมแพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูใช้เฝือกร่วมกับอุปกรณ์ประคองมือและแขนสูง เพื่อช่วยลดบวม ในส่วนของเปลือกตาและเยื่อตายุบบวมลง สามารถหลับตา ลืมตาพอได้ เยื่อหุ้มรก และ eye corneal shield อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมทั้ง 2 ข้าง

รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ จะดูแลรักษาผู้ป่วยทั้ง 2 ราย อย่างเต็มที่ โดยทีมแพทย์เฉพาะทาง เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างเป็นปกติได้มากที่สุด  

วันเดียวกันนี้ นพ.สาธิต ทิมขำ ผู้อำนวยการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เขต 4 สระบุรี เป็นตัวแทนเข้าเยี่ยมอาการเด็กนักเรียน ที่อยู่ระหว่างการรักษาตัวที่ รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ พร้อมให้กำลังใจญาติและครอบครัว

นพ.สาธิต กล่าวว่า ตนขอแสดงความเสียใจต่อคณะครูและนักเรียนทั้ง 23 คนที่ประสบอุบัติเหตุครั้งนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น โดยขณะนี้ยังมีผู้ป่วย 3 คน ที่อยู่ระหว่างรักษาตัวในรพ. 2 แห่ง คือ รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ 2 คน และที่ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี (รพ.เด็ก) อีก 1 คน ทั้งนี้ จากการเข้าเยี่ยมและพูดคุยกับคณะแพทย์ผู้ให้การรักษา ผู้ป่วยทั้งหมดได้รับการดูแลเป็นอย่างดี แม้จะยังมีอาการบางส่วนที่ต้องเฝ้าระวังต่อเนื่อง แต่ภาพรวมแล้วถือว่ามีอาการดีขึ้นกว่าวันที่ผ่านๆ มา

“วันนี้ได้รับมอบจากท่านเลขาธิการ สปสช. เป็นตัวแทนหน่วยงาน มาเยี่ยมและติดตามอาการ พร้อมให้กำลังใจน้องๆ ทุกคน รวมถึงผู้ปกครองที่มาเฝ้าด้วยความเป็นห่วง ซึ่งคณะแพทย์ของ รพ.ธรรมศาสตร์ฯ ได้ให้การดูแลในขั้นที่ดีที่สุดแล้ว มีห้องแยกสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการไฟไหม้เพื่อป้องกันการติดเชื้อ และได้รับข่าวดีว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงห่วงใยในเหตุการณ์ครั้งนี้ และได้รับน้องๆ ทั้ง 3 คน เป็นผู้ป่วยในพระบรมราชานุเคราะห์ นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ หวังว่าน้องๆ จะมีอาการที่ดีขึ้นและหายดีในเร็ววัน” ผอ.สปสช. เขต 4 สระบุรี กล่าว

นพ.สาธิต กล่าวอีกว่า ในฐานะหนึ่งในผู้อยู่ในระบบสาธารณสุข อยากฝากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการป้องกันอุบัติเหตุโดยเฉพาะอุบัติเหตุจากการจราจร เพราะเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญของการเสียชีวิตของคนไทย อีกทั้งยังติดอันดับต้นๆ ของโลก นำพามาซึ่งความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน รวมถึงการรักษาพยาบาลที่ส่วนหนึ่งต้องดูแลต่อเนื่องไปตลอดชีวิต ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องที่ป้องกันได้ ดังนั้นอยากให้ทุกฝ่ายและทุกๆ ภาคส่วนช่วยกัน