เมื่อวันที่ 4 ต.ค. ที่มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ต.ลำผักกูด อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี พ่อแม่เดินทางจาก จ.สกลนคร เพื่อขอความช่วยเหลือจากนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิฯ กรณีลูกชาย วัย 14 ปี นักเรียนชั้น ม.2 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.สกลนคร ประสบอุบัติเหตุจากรถสองแถวรับ-ส่งนักเรียนของโรงเรียน ระหว่างทางกลับบ้านได้รับบาดเจ็บสาหัส ขณะนี้ยังต้องรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย. จนถึงวันที่ 2 ต.ค. เป็นเวลา 17 วัน ซึ่งไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้เพราะยังลุกจากเตียงไม่ได้ แม่ต้องไปเฝ้าดูแล ซึ่งพ่อแม่มีอาชีพรับจ้างรายวัน วันไหนไม่ได้ทำงานก็ไม่ได้เงิน ครอบครัวก็ฐานะยากจนจริงๆ เกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงร้องทุกข์ขอให้มูลนิธิฯ ช่วย

นางสุกัญญา ผู้เป็นแม่ กล่าวว่า เหตุเกิดเมื่อวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมา ลูกชาย เล่าว่า หลังเลิกเรียนก็ขึ้นรถรับ-ส่งของโรงเรียนกลับบ้านเหมือนทุกวัน ซึ่งรถคันดังกล่าวลักษณะเป็นรถสองแถวหลังคาสูง ช่วงท้ายรถมีบันไดเหล็ก 3 ขั้นสำหรับขึ้นลงและมีโครงเหล็กต่อยื่นเป็นที่ยืนและราวจับ มีประตูเหล็กสำหรับปิดเปิดขึ้นลง คนขับรถเป็นชาย อายุ 37 ปี ก่อนเกิดเหตุคนขับรถได้ไปส่งนักเรียนตามจุดต่างๆ เมื่อไปถึงจุดส่งนักเรียนบริเวณในหมู่บ้านดอนสัมพันธ์ หมู่ 9 อ.เมือง จ.สกลนคร ลูกของตนที่อยู่ในรถได้หลีกทางให้เพื่อนจากด้านในรถลง ระหว่างที่ลูกตนกำลังก้าวขาขึ้นรถ คนขับได้เหยียบคันเร่งออกรถอย่างแรงทำให้ลูกชายหงายหลังตกลงจากรถ โดยมือได้คว้าราวบันไดรถไว้ ส่วนขาข้างขวาถูกลากไปกับพื้นถนนกว่า 100 เมตร

นางสุกัญญา กล่าวอีกว่า ขณะนั้นมีนักเรียนหลายคนในรถที่เห็นเหตุการณ์พยายามช่วยกันตะโกนเรียกให้คนขับจอดรถแต่คนขับอ้างว่าไม่ได้ยิน จนเป็นเหตุให้ลูกชายได้รับบาดเจ็บนำส่งโรงพยาบาล ลูกชายมีบาดแผลที่ขาข้างขวาตั้งแต่ต้นขาลงมาถึงหน้าแข้งเป็นแผลครูดถลอก แผ่นหลังเป็นแผลขนาดใหญ่ กระดูกหัวเข่าโผล่แทงออกมา เมื่อไปถึงโรงพยาบาลหมอตรวจพบว่า กระดูกเชิงกรานหักหลายท่อน ท่อระบบสืบพันธุ์อักเสบ ลูกอัณฑะแตก 1 ข้าง พบน้ำในปอด และปอดแฟบหนึ่งข้าง ไอออกมาปนเลือด เนื่องจากถูกกระแทกจากอุบัติเหตุอย่างแรง หมอได้ทำการผ่าตัดลูกอัณฑะที่แตกออกไป 1 ข้าง ต้องให้เลือดกรุ๊ปโอ ครูที่โรงเรียน 3 คนมาบริจาคให้เลือด 2 ถุง ซึ่งหมอบอกว่า ลูกชายต้องเป็นหมันและไม่ยืนยันว่าจะกลับมาใช้ชีวิตได้ปกติหรือไม่ และลูกยังต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลเนื่องจากแพทย์ให้ระวังการติดเชื้อ

แม่เด็ก กล่าวว่า หลังเกิดเหตุ ผอ.โรงเรียนให้เงินช่วยเหลือมา 3,500 บาท ลูกชายต้องนอนอยู่โรงพยาบาลตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย. จนถึงวันที่ 2 ต.ค. เป็นเวลา 17 วัน ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เพราะยังลุกจากเตียงไม่ได้ ต้องไปเฝ้าดูแลต่อไปอีกเพื่อดูอาการและระวังการติดเชื้อ ซึ่งตนกับสามีมีอาชีพเพียงรับจ้างไปวันๆ วันไหนไม่ได้ทำงานก็ไม่ได้เงิน ครอบครัวฐานะยากจน จริงๆ แล้วหมอจะให้ลูกชายอยู่โรงพยาบาลต่อ แต่พวกตนไม่มีเงินที่จะเดินทางไปเฝ้าลูก จึงขอหมอออกมารักษาเองที่บ้าน จึงตัดสินใจขอร้องให้หมออนุญาตให้ลูกชายกลับไปรักษาตัวต่อที่บ้าน ซึ่งแม่ก็ได้ถามหมอว่า ลูกชายจะหายเป็นปกติได้หรือไม่ หมอก็ไม่ได้ยืนยันบอกเพียงแต่ว่าต้องใช้เวลารักษาตัว ตนเกรงว่าครอบครัวจะไม่ได้รับความเป็นธรรม แม่จึงร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมมายังมูลนิธิปวีณาฯ และขอให้ช่วยรักษาลูกชายให้กลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติเหมือนเด็กคนอื่นๆ

นางปวีณา กล่าวว่า หลังรับเรื่องร้องทุกข์และได้รับฟังข้อมูลจากแม่เด็กแล้ว รู้สึกเป็นห่วงน้องมาก เพราะแม่ต้องรีบเอาตัวออกจากโรงพยาบาลมารักษาเอง เกรงว่าจะติดเชื้อ จึงประสานไปยัง พ.ต.อ.กฤศกร เชื้อสิงห์ ผกก.สภ.ขมิ้น จ.สกลนคร ให้ช่วยเข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงและเข้าเยี่ยมเด็ก ต่อมา ผกก.สภ.ขมิ้น ได้มอบหมาย พ.ต.ท.ณัฐวัฒน์ พันธ์สวรรค์ สว.สอบสวน สภ.ขมิ้น ลงเยี่ยมอาการของน้องที่บ้านและทราบว่าเด็กมีอาการเจ็บแผลผ่าตัด จึงได้ประสานเลขาฯ ผอ.รพ.สกลนคร เนื่องจาก ผอ.รพ.เพิ่งเกษียณราชการ เป็นการด่วนเพื่อนำตัวน้องเข้ารักษาต่อทันที เนื่องจากน้องมีอาการเจ็บแผลอักเสบและเริ่มจะติดเชื้อ

นางปวีณา กล่าวอีกว่า ขอบคุณ พ.ต.อ.กฤศกร เชื้อสิงห์ ผกก.สภ.ขมิ้น และ พ.ต.ท.ณัฐวัฒน์ พันธ์สวรรค์ สว.สอบสวน สภ.ขมิ้น ที่ได้ประสานรถพยาบาลนำเด็กผู้บาดเจ็บส่งเข้ารักษาที่ รพ.เป็นการด่วน จากนั้น พ่อแม่ได้ไปแจ้งความ และเดินทางจาก จ.สกลนคร มาพบ นางปวีณา ที่สำนักงานมูลนิธิปวีณาฯ เพื่อขอความเป็นธรรมให้กับลูกชาย เวลา 13.00 น. นางปวีณา ได้ประสาน ดร.ธีร์ ภวังคนันท์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รองเลขาธิการ กพฐ.) มอบหมายให้ ดร.ตฤณ ก้านดอกไม้ ผู้อำนวยการศูนย์ความปลอดภัย สพฐ. เดินทางมาที่มูลนิธิปวีณาฯ เพื่อร่วมประชุมกับนางปวีณาและพ่อแม่ของเด็กชาย 14 ปีที่ได้รับบาดเจ็บ เพื่อหาแนวทางการช่วยเหลือและป้องกันเหตุร้ายหรืออุบัติเหตุที่อาจจะเกิดกับเด็กต่อไป