เมื่อวันที่ 4 ต.ค. นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงกรณีศาลนราธิวาส ออกหมายจับ พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กรณีไม่ไปขึ้นศาลพิจารณาคดีเหตุการณ์สลายการชุมนุม อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ปี 2547 ว่า เมื่อเดือนที่แล้วทราบว่า ไปรักษาตัวอยู่ต่างประเทศ แต่ไม่ทราบว่าไปที่ไหน ซึ่งตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 125 บัญญัติไว้ชัดเจน ว่าช่วงของการประชุมสภา การจับกุมคุมขัง ประธานจะต้องนำเข้าสู่การพิจารณาเพื่อให้สภาอนุมัติก่อน ถึงจะจับได้ แต่ พล.อ.พิศาล ไปต่างประเทศก่อนหน้านี้แล้ว และไม่ได้อยู่ในสภา ซึ่งตามรัฐธรรมนูญมาตราดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็น พล.อ.พิศาล หรือใครก็แล้วแต่ ถ้าอยู่ในประเทศไทย ก็ไม่สามารถจับกุมคุมขังได้ ต้องขออนุญาต เว้นเสียแต่ว่าคนนั้น ถูกฟ้องแล้วไปมอบตัวแล้ว และประกันตัวออกมาแล้ว ศาลสามารถเรียกได้

“วันนี้ผมไม่ทราบท่านพิศาลไปอยู่ที่ไหน เขาไม่ได้บอกผม และผมมีหน้าที่เป็นวิป ก็จะตาม สส. มาลงคะแนน แต่เรื่องการดำเนินการทั้งหมด ผมคิดว่าอยู่ในอำนาจของศาลแล้วจะพิจารณาอย่างไร ผมไม่ได้เอารัฐธรรมนูญมาอ้างเพื่อที่จะปกป้องท่านพิศาล ไม่ว่าใครไม่สามารถจะยิ่งใหญ่กว่ารัฐธรรมนูญ เพราะเป็นกฎหมายสูงสุดที่จะต้องยึดตามนี้ ดังนั้นถ้าใครทำนอกเหนือก็ถือว่าผิดรัฐธรรมนูญตามรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่จะช่วยใคร ตามรัฐธรรมนูญบัญญัติไว้แบบนี้ ซึ่งพูดถึงหลักการ ไม่ใช่ท่านพิศาลเพียงคนเดียว หากอยู่ในระหว่างสมัยประชุมสภา การจับกุมคุมขัง ต้องผ่านสภาก่อน” นายวิสุทธิ์

นายวิสุทธิ์ ยังกล่าวถึงการพิจารณากระทู้ถามของนาย รังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน เกี่ยวกับคดีตากใบเมื่อวานนี้ ว่า ถ้ามองการอภิปราย ในฐานะคนนับถือศาสนาพุทธ ตนก็รับไม่ได้ เพราะต้องดูว่าพูดไปแล้วมันได้อะไรขึ้นมา และการออกหมายจับ พล.อ.พิศาล ก็เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม การที่เอามาปั่นในสภา แล้วด่ากันอย่างนั้น มันดีหรือไม่ และก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุการณ์ตากใบ ต้องดูว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้าง บางทีคนที่เกิดทีหลังเหตุการณ์ที่ผ่านมา 20 ปี ฟังแล้วอาจเกิดความแตกแยก วันนี้ควรพูดเรื่องแก้ปัญหาปากท้อง น้ำท่วมก่อนดีหรือไม่ อีกทั้งในเมื่อศาลออกหมายจับแล้ว ก็ต้องว่าไปตามกระบวนการยุติธรรม เราไม่มีหน้าที่ไปจับใคร และไม่ควรที่จะไปแทรกแซง

นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า ดังนั้นเวลาอภิปราย ก็ไม่ควรทำถึงขั้นทำให้คนฟังสับสน ไม่เข้าใจเจตนาว่าถามไปเพื่ออะไร จริงๆ ตนชื่นชมนายรังสิมันต์ แต่ก็ไม่ทราบว่าถามไปเพื่ออะไร เพื่อที่จะให้คะแนนเสียง หรือเกิดความแตกแยกในประเทศชาติบ้านเมือง ซึ่งเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก ไม่อยากให้เรื่องนี้ลุกลามบานปลาย เพราะจะเกิดความเสียหายได้ อย่าไปกลัวว่าพรรคเพื่อไทยจะเสียหาย เพราะเรื่องนี้เลย เพราะผ่านมานานแล้ว ไม่อยากรื้อฟื้น ซึ่งเป็นความเจ็บปวดของทุกฝ่าย ไม่มีใครอยากให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น.