การถูกเรียกตัวกลับไปติดทีมชาติอังกฤษของ โดมินิค โซลันกี ถือเป็นความคลาสสิกที่เกิดขึ้นถูกที่ถูกเวลา

“ดอม” คือนักเตะที่มีของ ถูกจับตามองมาตั้งแต่เป็นเยาวชนของ เชลซี แต่ไม่สามารถพาตัวเองทะลุออกมายังจุดที่ควรจะเป็นได้เสียที

จนกระทั่งฤดูกาลที่แล้วกับ บอร์นมัธ ที่เขาเติบโตอย่างเต็มที่ เล่นฟุตบอลได้อย่างมีความสุข และเป็นตัวของตัวเอง ยิงประตูได้เป็นกอบเป็นกำ จน สเปอร์ ต้องควักเงินถึง 65 ล้านปอนด์ซื้อตัวมาร่วมทีม

กับการลงเล่นให้ สเปอร์ ไปเพียง 6 นัด ยิงได้ 3 ประตู กับ 1 แอสซิสต์ ทำให้ โซลันกี ก็ถูกเรียกกลับไปติดทีมชาติอังกฤษเป็นครั้งแรก ในรอบ 7 ปี

โซลันกี ที่มีคุณพ่อเป็นไนจีเรีย และคุณแม่เป็นอังกฤษ เคยลงเล่นให้สิงโตคำรามชุดใหญ่ในฐานะตัวสำรองเป็นเวลา 15 นาที ในเกมอุ่นเครื่องกับ บราซิล ที่เวมบลีย์ เมื่อเดือน พ.ย. 2017

แต่ก่อนหน้านั้น เขาคือกองหน้าขาประจำของทีมชาติอังกฤษชุดเยาวชนมาโดยตลอด

โซลันกี คือหนึ่งในทีมชุดแชมป์ยุโรป รุ่นอายุไม่เกิน 17 ปีของอังกฤษ เมื่อปี 2014 โดยเขายิงประตูได้ในเกมรอบชิงชนะเลิศ ที่สิงโตน้อยเฉือนชนะ เนเธอร์แลนด์ ในการยิงจุดโทษ 4-1 ด้วย

แต่กับสโมสร เขาเคยลงเล่นให้ เชลซี แค่เกมเดียว ก่อนย้ายไป ลิเวอร์พูล ในเดือน ก.ค. 2017 แต่ก็ไม่เวิร์กเลย เมื่อยิงไปแค่ประตูเดียวจาก 27 เกม

ตอนนั้น โอกาสของเขากับ ลิเวอร์พูล มีไม่มากนัก เพราะมี 3 ตัวรุกระดับโลกขวางหน้าอยู่ นั่นคือ โม ซาลาห์, บ็อบบี ฟีร์มีโน และ ซาดิโอ มาเน

โซลันกี ไม่ขอเป็นสำรอง เขาตัดสินใจย้ายลงไปเล่นกับทีมเกรดต่ำกว่าอย่าง บอร์นมัธ ในเดือน ม.ค. 2019 ด้วยค่าตัว 19 ล้านปอนด์

ที่นี่เอง ที่เขาค้นพบศักยภาพที่แท้จริงของตัวเอง (เสียที) หลังทำไป 77 ประตูจาก 216 เกมให้ บอร์นมัธ และฤดูกาลที่แล้ว เล่นไป 42 เกม ยิงได้ 21 ประตู

เจอร์เกน คลอปป์ กุนซือลิเวอร์พูล ผู้ปล่อย โซลันกี ออกจากทีม เคยพูดว่า “ผมดีใจด้วยกับดอมมากๆ เพราะตอนที่เราเซ็นสัญญากับเขา เราตื่นเต้นกับพรสวรรค์ของเขามาก”

“เขามีศักยภาพสูงมาก แต่มันคือ ลิเวอร์พูล และเราก็มีกองหน้าคนอื่นที่ดีเช่นกัน ดอม อาจจะยังไม่อยู่ในช่วงเวลาที่ดีที่สุด แต่มันชัดเจนว่าเขามีพรสวรรค์สูงมาก”

การย้ายมาอยู่ สเปอร์ ทำให้ดาวยิงวัย 27 ปี มีโอกาสในเวทีที่ใหญ่ขึ้น เพื่อแสดงคุณภาพของตัวเอง

และในวันที่ไก่เดือยทอง บุกไปยำ แมนฯ ยูไนเต็ด 3-0 เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว คือวันที่เขาแจ้งเกิดเต็มตัว

หนึ่งในผู้ชมที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด คือ ลี คาร์สลีย์ กุนซือชั่วคราวของอังกฤษ และเขาก็พอใจกับฟอร์มของ ดอม มากๆ

โซลันกี ไม่ได้แค่ทำประตูที่ 3 ในสไตล์ของกองหน้าอังกฤษขนานแท้เท่านั้น แต่เขายังมีส่วนร่วมกับเกม และช่วยทีมได้เยอะมาก เรียกว่าเป็นเกมที่เขาโดดเด่นสุดๆ และเป็นกองหน้าที่โค้ชทุกคนต้องการ

ไอแวน โทนีย์ ติดทีมชาติอังกฤษ ไปยูโร 2024 แต่ตัดสินใจยุติอนาคตการเล่นฟุตบอลที่ท้าทาย แล้วย้ายไปเล่นในซาอุดีอาระเบียกับ อัง-อาห์ลี ทำให้โอกาสในทีมชาติน้อยลงไป และขณะเดียวกัน มันก็คือการเปิดโอกาสให้ โซลันกี ด้วย

มีการวิเคราะห์กันว่า การย้ายทีมของ โทนีย์ และ โซลันกี ครั้งนี้ คือจุดเปลี่ยนในชีวิตนักบอลของทั้งคู่

เพราะคนหนึ่งเลือกทางที่ปลอดภัยด้วยการไปเล่นตะวันออกกลาง แต่อีกคนเลือกความท้าทาย และเลือกโอกาสที่จะเข้ามาในอนาคตมากกว่ากับทีมที่ใหญ่กว่า

สถิติของ โซลันกี บ่งบอกว่า เขาทำงานแบบไม่เหน็ดไม่เหนื่อย วิ่งพล่าน ขึ้นบน ลงต่ำ ช่วย สเปอร์ ตลอดในเกมกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ทำให้เพื่อนคนอื่นเล่นง่ายขึ้นมาก

เกมที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด โซลันกี วิ่งไปทั้งหมด 12 กิโลเมตร มีแค่ เดยัน คูลูเซฟสกี และ โรดริโก เบนตานกูร์ 2 คนเท่านั้น ที่วิ่งมากกว่าเขาในเกมนี้คือ 13.2 และ 12.5 กิโลเมตร ตามลำดับ

เขามีจังหวะออกตัวสปรินท์ถึง 24 ครั้ง เป็นรองแค่ อเลฮันโดร กานาโช (29 ครั้ง) คนเดียวในเกม และยังมีโอกาสยิงเยอะที่สุดร่วมในเกมนี้ คือ 4 ครั้ง ซึ่งตรงกรอบ 3 ครั้ง สูงสุดของเกมด้วย

ทั้งหมด นอกจากทำให้ มาไธส์ เดอ ลิกต์ และ ลิซานโดร มาร์ติเนซ เซ็นเตอร์ฮาล์ฟแมนฯ ยูไนเต็ด ต้องเจองานยากตลอดทั้งเกมแล้ว ยังแสดงให้เห็นว่า เขาคือกองหน้าที่แทบจะสมบูรณ์แบบในตอนนี้

โซลันกี ตัวใหญ่ แข็งแรง แต่ไม่ช้า ไปกับบอลได้ดี เลี้ยงบอลได้ โหม่งบอลดี ยิงประตูคม เข้าฮอสถูกจังหวะ แถมเขายังไม่ใช่นักเตะอีโก้สูง ไม่เห็นแก่ตัว ไม่ได้คิดว่าเป็นกองหน้าต้องยิงได้ตลอด

ทำให้นอกจากยิงประตูแล้ว โซลันกี ยังเป็นกองหน้าที่มีสถิติการจ่ายบอล และแอสซิสต์ที่ดีด้วย

มันคือสไตล์ที่เหมาะสมพอดีกับ สเปอร์ ในยุคของ แอนจ์ ปอสเตโคกลู ที่บุกเป็นบ้าเป็นหลัง และเป็นสิ่งที่ ริชาร์ลิซอน ตัวความหวังก่อนหน้าเขา ทำไม่ได้

ตอนนี้ก็เหลือแค่ว่า เขาจะพิสูจน์ตัวเองกับทีมชาติอังกฤษได้หรือไม่ และจะได้รับโอกาสจาก คาร์สลีย์ มากแค่ไหน ในเกมเนชั่นส์ ลีก 2 นัด รอบนี้ กับ กรีซ ในบ้าน และไปเยือน ฟินแลนด์ ที่เฮลซิงกิ

ถ้ารักษาเนื้อ รักษาตัว รักษาฟอร์ม รักษาทัศนคติดีๆ แบบนี้ได้ตลอดไป โซลันกี จะเป็นสมบัติที่ล้ำค่าอีกคนของ สเปอร์ และทีมชาติอังกฤษ ในอนาคต.