เมื่อวันที่ 2 ต.ค.นายชิตเมธา ทาสมบูรณ์ ผู้อำนวยการโรงเรียน บ้านม่วง ต.บ้านทุ่ม อ.เมือง จ.ขอนแก่น นำคณะครู 21 คน และนักเรียนตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล1 ถึงมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 384 คน ร่วมกันจัดกิจกรรมไว้อาลัยสงบนิ่งหน้าเสาธง 1 นาที เพื่อเป็นการแสดงความอาลัยกับ เหตุการณ์โศกนาฏกรรมไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษา จากโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี ทำให้ครู และนักเรียนเสียชีวิตรวม 23 คน เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความสะเทือนใจให้กับประชาชนทั่วประเทศ และยังทำให้เกิดคำถามตามมา ถึงความจำเป็นในการพาเด็กนักเรียนไปทัศนศึกษา ยังมีความจำเป็นอยู่หรือไม่ ทำให้เกิดดราม่าบนโลกโซเชียลมีคนบางส่วนเรียกร้องให้มีการยกเลิกทัศนศึกษาในเด็กเล็ก

 ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านม่วง เปิดเผยว่า คณะครูและนักเรียน โรงเรียนบ้านม่วง รู้สึกเสียใจและสะเทือนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยปกติทางโรงเรียนจะมีการจัดทัศนศึกษา ปีละ 1 ครั้ง แต่หลังจากเกิดเหตุการณ์นี้ จะต้องมีการทบทวนในหลายๆเรื่อง เพื่อให้เกิดความปลอดภัยมากขึ้น แม้ว่าทางโรงเรียนจะไม่เคยเกิดเหตุการณ์ร้ายขึ้นก็ตาม 

โดยทางโรงเรียนบ้านม่วง จะมีการประชุมกับคณะกรรมการสถานศึกษา ทบทวนเรื่องการไปทัศนศึกษาจะเน้นไปทัศนศึกษาใกล้โรงเรียนเป็นหลัก คำนึงถึงระยะทางและเวลาในการเดินทางต้องมีความเหมาะสม และเรื่องความปลอดภัยต้องมาอันดับแรก ที่สำคัญก่อนออกเดินทางจะต้องมีการประชุมผู้ปกครองทุกครั้ง และเด็กนักเรียนจะต้องได้รับความยินยอมจากผู้ปกครองถึงจะอนุญาตให้เข้าร่วมกิจกรรม นอกจากนี้การเลือกรถโดยสารที่ใช้เดินทาง จะต้องเป็นบริษัทที่ได้มาตรฐานด้านความปลอดภัยทั้งตัวรถ อุปกรณ์ดูแลความปลอดภัยผู้โดยสารรวมถึงคนขับ จะต้องมีความพร้อม หากรถโดยสารที่ใช้เชื้อเพลิงก๊าซ ngv จะไม่อนุญาตทันที

ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านม่วง แสดงความคิดเห็น กรณีดราม่าในโลกโซเชียล เรียกร้องให้มีการยกเลิกทัศนศึกษาในนักเรียนเด็ก ว่า โดยส่วนตัวคิดว่าการไปทัศนศึกษายังมีความสำคัญกับเด็ก เพราะเด็กบางคนด้อยโอกาส พ่อแม่ไม่มีโอกาสได้พาไป ทางโรงเรียนก็ให้ความสำคัญในส่วนนี้ แต่ว่า ต้องละเอียดรอบคอบ และให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัยหลายๆด้าน โดยความปลอดภัยต้องมาอันดับ 1 และคณะครูที่เดินทางไปร่วมกับเด็ก ต้องมีความรู้เรื่องแผนเผชิญเหตุ ซึ่งโรงเรียนบ้านม่วง มีการ ฝึกซ้อมแผนเผชิญเหตุ และ การปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้กับคุณครูเป็นประจำ เมื่อถึงคราวจำเป็น ก็สามารถนำมาใช้ได้