จากกรณีเกิดเหตุโศกนาฏกรรมไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษาของนักเรียนโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี ที่บริเวณถนนวิภาวดีรังสิต หน้าอนุสรณ์สถาน จ.ปทุมธานี เป็นเหตุให้มีครูและนักเรียนเสียชีวิต 23 ราย และบาดเจ็บอีกจำนวนมาก ซึ่งตำรวจก็จะต้องดำเนินการกับคนขับ จากนั้นก็จะต้องตรวจสอบว่ารถคันดังกล่าวเป็นของผู้ประกอบการรายใด ที่จะต้องมีส่วนรับผิดชอบในเรื่องความเสียหาย จนกระทั่งนายสมาน จันทร์พุธ อายุ 48 ปี คนขับรถบัสทัศนศึกษา ได้เดินทางเข้ามอบตัวที่ สภ.วิเศษชัยชาญ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.วิเศษชัยชาญ ควบคุมตัวไว้ และหลบนักข่าวออกมาขึ้นรถทางประตูด้านหลังโรงพัก ก่อนขึ้นรถยนต์ฟอร์จูนเนอร์สีดำออกจากโรงพักทันที ตามที่ข่าวเสนอไปก่อนหน้านี้

เมื่อวันที่ 2 ต.ค. 67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อาจารย์เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และนักสื่อสารวิทยาศาสตร์ ได้พูดถึงเรื่องนี้ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Jessada Denduangboripant โดยแนะ 3 สิ่งสำคัญ เมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินบนรถบัส ต้องทำอย่างไรบ้าง หากต้องเดินทางไกล!

โดยอาจารย์เจษฎา ระบุข้อความว่า “จากข่าวสลดวันนี้ น่าจะต้องถอดบทเรียน และคุมกันจริงจังมากขึ้น กับรถบัส รถเมล์ และรถขนส่งสาธารณะ ที่ถ้าไม่ได้มีอุปกรณ์ความปลอดภัยครบถ้วนตามมาตรฐาน หรือเกิดมีปัญหาในการใช้งาน ก็จะทำให้เกิดความเสียหายร้ายแรงได้ (อย่างข่าววันนี้ ที่บอกว่าประตูฉุกเฉินเปิดไม่ได้ – ซึ่งความจริง ต้องเปิดได้ตลอดทั้งจากในรถและนอกรถ) จึงขอเอาบทความของ Patsornchai Tour – ภัสสรชัยทัวร์ นี้ มาสรุปให้ศึกษากันนะครับ”

3 สิ่งสำคัญ ที่ถือว่าเป็นอุปกรณ์ด้านความปลอดภัยที่รถบัสทุกคันต้องมี และผู้โดยสารทุกคนควรสังเกต มีดังนี้
1. ถังดับเพลิง
2. ประตูฉุกเฉิน
3. ค้อนทุบกระจก

โดยเป็นอุปกรณ์ที่จะช่วยบรรเทาความร้ายแรง ของเหตุฉุกเฉินที่กำลังเกิดขึ้น และเป็นอุปกรณ์ที่จะช่วยทำผู้โดยสารออกจากห้องโดยสาร
1. ประตูทางออกฉุกเฉิน
– ผู้โดยสารควรมองหาประตูรถทางออกฉุกเฉิน เพราะ จะช่วยให้ออกจากตัวรถบัสได้ในขณะเกิดเหตุฉุกเฉิน
– ประตูรถทางออกฉุกเฉิน จะต้องมีสัญลักษณ์บ่งบอก หรือ มีสัญลักษณ์แสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจน ทั้งภายในและภายนอกตัวรถ ว่าเป็นตำแหน่งของประตูฉุกเฉิน
– ถ้าเป็นประตูทางออกที่อยู่ “ด้านท้าย” ของตัวรถ ต้องมีข้อความว่า “ทางออกฉุกเฉิน” เป็นอักษรภาษาไทย และความสูงไม่น้อยกว่า 5 เซนติเมตร สีแดงสะท้อนแสง ติดอยู่เหนือบริเวณที่เปิดปิดประตู หรือบริเวณขอบประตูด้านบนทางออกฉุกเฉิน ให้สามารถสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน
– ถ้าไม่อยู่ด้านท้ายของรถ ประตูฉุกเฉินจะต้องมีขนาดทางออกไม่น้อยกว่า 40 เซนติเมตร และความสูงไม่น้อยกว่า 120 เชนติเมตร อยู่ในตำแหน่ง “ด้านขวากลาง” ของตัวรถ หรืออาจจะค่อนไปทางท้ายรถ ตามที่กฎหมายได้กำหนดไว้
– ประตูฉุกเฉินจะต้องสามารถเปิดได้ โดยไม่ต้องใช้กุญแจหรืออุปกรณ์ใดๆ และต้องเปิดได้เต็มทั้งส่วนกว้างและความสูง จึงต้องไม่มีสิ่งติดตั้งถาวรกีดขวางทางออกนี้ เพื่อความสะดวกต่อการใช้งาน

2. ถังดับเพลิง
– รถบัสทุกคันจะต้องมี เพื่อไว้ใช้ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุฉุกเฉิน เมื่อมีไฟลุกขึ้นที่บริเวณห้องโดยสาร ภายในห้องโดยสารส่วนใหญ่ จะมีการติดตั้งถังดับเพลิงขนาด 2 ปอนด์ ไว้อย่างน้อย 2 ตำแหน่ง คือบริเวณ “เบาะหน้า” ใกล้คนขับ และบริเวณ “ที่นั่งด้านหลัง” หรือ “ตรงกลาง” ของห้องโดยสาร เพื่อให้สามารถหยิบให้งานได้ง่าย
– เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน ให้ดึงสลักล็อกที่บริเวณคันบีบออก จากนั้นให้ปลดสายฉีดออกจากตัวถึง หันปากสายฉีดไปที่ “ฐาน” กองไฟ แล้วกดคันบีบแล้วส่ายสายฉีด เพื่อให้สารที่พ่นออกมาจากถังดับเพลิง พ่นให้ทั่วทั้งกองไฟ
– ไม่ควรฉีดไปที่เปลวไฟ เพราะเป็นการใช้แบบผิดวิธี ทำให้ไฟไม่ดับ
– ควรยืนห่างจากกองไฟประมาณ 6-8 ฟุต เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้งาน

3. ค้อนทุบกระจก
– รถบัสทุกคันจะต้องมีค้อนทุบกระจก หรืออุปกรณ์ที่มีด้ามจับสีแดง มีหัวเหล็กลักษณะกลมๆ ยื่นออกมา ส่วนมากติดอยู่ใกล้ๆกระจกข้างรถ ควรมีไว้สำหรับการกรีด หรือทุบกระจก เพื่อเปิดเป็นทางออกฉุกเฉิน สามารถทุบเปิดกระจกได้เร็วกว่าของแข็งอื่นๆ
– สามารถดึงออกจากแท่นเก็บ จากนั้น จับด้ามให้แน่น แล้วใช้ปลายแหลม “กรีด” ลงที่กระจกให้เป็นรอย แล้วใช้ปลายค้อน ทุบที่แนวกรีด กระจกก็จะแตกละเอียด

ข้อแนะนำอื่นสำหรับการเดินทาง
1. เลือกเดินทางกลับบริษัทผู้ให้บริการที่มีความน่าเชื่อถือ มีการตรวจเช็คสภาพรถก่อนออกเดินทาง และเป็นบริษัทที่ไม่มีประวัติ การเกิดอุบัติเหตุหนัก ซึ่งท่านสามารถเช็คได้กับกรมขนส่งทางบก
2. บนรถบัสทุกคันจะจะต้องมีเข็มขัดนิรภัยอัตโนมัติอย่างน้อย 2 จุด ทุกที่นั่ง เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสารในขณะเดินทาง
3. ในขณะเดินทาง ผู้โดยสารควรสังเกตอาการของพนักงานขับรถ ว่ามีอาการมึนเมา หาวบ่อย หรือขับรถเร็วเกินไปหรือไม่ หากพบความผิดปกติควรโทรแจ้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจ จุดตรวจของกรมขนส่ง หรือบริษัทของผู้ให้บริการ
4. หากเป็นระยะทางไกลมากกว่า 400 กิโลเมตร บริษัทผู้ให้บริการจะต้องมีพนักงานขับรถ 2 คน หรือจะต้องมีการหยุดจอดรถพักทุก 4 ชั่วโมง อย่างน้อยเป็นเวลา 30 นาที

อย่างไรก็ตาม พนักงานขับรถจะต้องขับรถด้วยความสุภาพ และมีน้ำใจต่อเพื่อนร่วมทาง เพื่อลดอุบัติเหตุบนท้องถนนที่อาจเกิดขึ้นได้

ขอบคุณข้อมูล : Jessada Denduangboripant