ออกมาเปิดใจเป็นครั้งแรก สำหรับนักแสดงสาว  “กบ พิมลรัตน์” ถึงเรื่องความสัมพันธ์กับสามีธุรกิจ หลังก่อนหน้านี้ถูกจับตาว่าเลิกลากับสามีแล้ว หลังจับได้อีกฝ่ายมี 2 บ้าน โดยล่าสุดสาวกบได้ออกมาเล่าในรายการคุยแซ่บshow ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นแบบจัดเต็ม

กบ เล่าว่า “เรื่องข่าวก่อนหน้านี้ ในส่วนของสามี กบเคยทราบว่าเคยมีครอบครัวมาก่อน แต่ตอนมาแต่งงานก็เคลียร์เรียบร้อย เราตัวติดกันตลอด ไม่เคยห่างกันเลย ยกเว้นเวลาเขาไปทำงาน เป็นแบบนี้ทุกวัน มันมีเหตุการณ์สะสมหลายๆ อย่าง ทั้งที่เราอดทน และเราทนไม่ไหวแล้ว ที่ผ่านมาเราดีลกับตัวเองได้ เรายอมรับ สิ่งที่เราทนไม่ได้คือ ชอบบอกเลิกตลอดเวลา เราคิดว่าเขาคงมีปม คงมีเหตุและผล ก็พยายามเข้าใจเขา แต่หาเหตุผลไม่เจอ เราได้บอกเขาไม่พูดได้ไหม มีการหยุดไปสักพัก แต่หลังๆ ก็มีการบอกให้ยกของออกไปจากบ้าน ให้กบยกของออกไป ปีที่แล้วจะบอกเลิกรายเดือน ไม่มีสาเหตุ เรายังเป็นเหมือนเดิมนะ เรื่องที่หาจุดลงตัวได้ก็กลับมาเป็นประเด็นอีก มันจะมีช่วงโควิดค่ะ แต่เราก็พยายามจะเข้าใจเพราะการใช้ชีวิตเปลี่ยนไป เราก็เป็น เขาเหมือนคนไฮเปอร์ เราก็อยู่บ้าน ทำอาหารให้ดูแลเต็มที่ ทั้งที่ทำไม่ค่อยเก่ง แต่เราก็รู้สึกเหมือนเขาใจไม่อยู่ แต่ตัวอยู่ เราก็มีการสงสัยและมีการถามและเคลียร์กัน แล้วก็มีการเปลี่ยนแปลงหลังโควิดบอกไม่ต้องขึ้นมาได้มั้ย เพราะก่อนหน้านี้เหมือนเขาเป็นเด็กน้อยติดเรา พอขึ้นไปก็ไล่ลง บอกไม่ชอบขนหมา เขาเป็นคนพูดเองว่าอยากมีเวลาส่วนตัวให้ตัวเองเยอะขึ้น สาเหตุหลักที่เลิกรากันก็เนี่ยแหละค่ะ เป็นประเด็นที่ชอบบอกเลิก และให้ยกของออกนั่นคือฟางเส้นสุดท้าย มันก็ยังมีหลายอย่างที่ยังตกลงกันไม่ได้ ก็ให้เขามาคุยกัน”

“ที่หยุดเพราะมีเพื่อนเขาส่งรูปมาให้ ตอนนั้นอยู่ในขั้นต่อรอง หลังจากนั้นเราก็ตัดสินใจแล้วนิ่งเงียบ หลังจากนั้นก็ให้คนส่งรูปมาให้ว่าเขาไปเปิดตัวครอบครัวกับคนอื่นเรียบร้อยแล้ว คือก่อนหน้านี้รู้ว่าเขามีครอบครัวแล้ว แต่เหมือนกับว่าตอนมาแต่งงานก็เคลียร์เรียบร้อย เราตัวติดกันตลอด ไม่เคยห่างกันเลย ยกเว้นเวลาเขาไปทำงาน เป็นแบบนี้ทุกวัน เรารู้สึกปลดล็อกนะ ไม่ได้ไปยึดติดกับเขาแล้ว เหมือนได้กลับมาเป็นตัวเอง เหมือนก่อนหน้านี้ที่เขาเราหลายๆ อย่างที่เขาขอ มันเป็นความชอบของเราเลย ไม่อยากให้ทำงานในวงการ ไม่อยากให้แต่งตัวแบบนี้ ไม่ชอบให้คบเพื่อน และอื่นๆ อีกมากมาย ตอนแรกก็พยายามต่อรองมากที่สุด ว่าคนเราต้องมีสตางค์เป็นของตัวเอง เราเข้าใจว่าเขาดูแลเราได้ คือแต่เราก็ต้องมี ที่ยอมแกเพราะว่าช่วงที่คบยังมีการโปรโมทหนังเรื่องอื่นอยู่แต่พอกลับมาแล้วก็ทะเลาะ เขาเลยบอกอยากให้เราโฟกัสที่ธุรกิจเขาดีกว่า”

กบ เล่าต่อว่า “ที่ยอมมา 9 ปี จริงๆ หลังโควิดเขาก็ให้เรากลับมาทำงานแล้ว แต่บทยังไม่พอใจ พอตอนที่เขาไม่ติดเราก็มองเป็นโอกาสเราก็เริ่มมาทำคอนเทนต์เรื่องความงามมากขึ้น แต่เขาก็มองว่าน่าเกลียดทำไมต้องมาชายหน้าชาตา ซึ่งมันก็เป็นรูปแบบการทำงานของเรา ผ่านมา 9 ปีทั้งมีความสุขจริงๆ และแกล้งมีความสุขเอาใจสามี (ร้องไห้) อย่างนึงก็คือเรารู้ว่าเรามีใคร อย่างที่สองคือตั้งใจจะประคับประครองให้ดีที่สุด การตัวติดกันมันก็อบอุ่น หรือเวลาเราทะเลาะกันแค่นอนที่อกมันก็รู้สึกอบอุ่น บุคลิคเขาเราก็มองว่ามันน่ารัก ด้วยอายุที่ห่างกันมันก็จะมีความน่าเอ็นดู น่ารัก คิดว่าเขาไม่เข้าใจเรานะ บอกว่าเข้าใจ แต่เวลาคุยทุกอย่างที่คุยกันจะเป็นไปในทิศทางเขาเสมอ ถ้าคุยไม่ลงตัวก็จะปรับไปทางจิตแพทย์ บอกเราคิดไปเอง บ้าหรือเปล่า ไปหาหมอไหม เจอมากๆ เข้า เราก็เลยสงสัยในตัวเอง ไม่ชอบในตัวเอง วันที่เขามาคุยกันเราเขามีการมาปรับทุกข์ว่าเขามีความผิดพลาดในการมีครอบครัวมา และคุยกับเราว่าอยากจะมีครอบครัวที่ดีๆ  เรื่องไม่จดทะเบียนสมรส เราคุยกันตั้งแต่แรก แต่ก็ยังไม่มีการทำ เป็นส่วนนึงที่เราฟ้องด้วย คือมันมีการคุย เขาทำเกี่ยวกับธุรกิจไม่ขอลงดีเทล 5 ปีจะจดทะเบียน อีก5 ปีเราก็ถามอีกก็มีเหตุผลอีก เราก็ทวงถามก็กลายว่าเราเป็นคนไม่ดี ในกรณีของเรามันมีการตกแต่ง ถึงไม่มีลายลักษณ์อักษรตามที่ตกลงไว้แต่มันมีภาพออกไปแล้ว หลังจากที่ฟ้องไปก็มีติดต่อให้ไปเจอ แต่ไม่ให้เอาทนายไป ให้คุยกันเพื่อปรับให้ลงตัว เขาก็ยืนยันอยากจะเจอส่วนตัว ที่ยื่นโนติสเพราะเรารู้สึกว่าถูกริดรอนสิทธิ์และไม่ถูกทำตามสัญญา เรื่องนี้สอนให้กบรู้ว่าเราควรจะรักตัวเองมากกว่าคนอื่น เราดีกับคนได้ มีเมตตากับคนได้ แต่ต้องเลือกให้ถูกคน”