เมื่อวันที่ 1 ต.ค. พ.ต.ท.ปริญญา ปาละ รอง ผกก.(สอบสวน) กก.1 บก.ปคบ. เปิดเผยก่อนการนำตัว น.ส.กรกนก สุวรรณบุตร หรือ “แม่ตั๊ก” และนายกานต์พล เรืองอร่าม หรือ “ป๋าเบียร์” ไปฝากขังที่ศาลอาญา ถนนรัชดาฯ ถึงการที่มีคนเข้ามาช่วยกันผู้ต้องหาทั้ง 2 คนว่า ตำรวจไม่ได้ดูแลเขาเกินกว่าผู้ต้องหารายอื่น เพราะเป็นผู้ต้องหาถ้าเกิดเป็นอะไรไปเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติจะแย่เอา ส่วนการที่มีคนสนิทของผู้ต้องหาเข้ามาเบียดตามที่ปรากฏภาพออกมานั้น ขอยืนยันว่าเข้ามาช่วยกันเพราะเป็นเลขาฯเป็นการกันไว้ เพื่อไม่ให้เข้าใกล้เจ้านายเพราะตัวแม่ตั๊กไม่สบาย

พ.ต.ท.ปริญญา กล่าวว่า ที่ต้องกันขนาดนี้เป็นเพราะแม่ตั๊กกลัวว่า ผู้เสียหายจะเข้ามาทำร้ายร่างกาย เพราะไม่รู้ว่าใครเป็นใครที่เข้ามาอย่างเมื่อวานนี้สื่อมวลชนเข้ามาเยอะมากหากเกิดการตีหัวขึ้นมา เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ดูแลก็ไม่สามารถรับผิดชอบได้ ทั้งยืนยันว่าตำรวจเป็นคนขอให้คนใกล้ชิดเขาเข้ามาช่วย ถือเป็นการช่วยเหลือเจ้าพนักงาน เพราะตำรวจเมื่อคืนมีน้อย

พ.ต.ท.ปริญญา กล่าวถึงประวัติการรักษาโรคประจำตัวของแม่ตั๊กว่า ตอนนี้ยังไม่ได้ตรวจสอบประวัติการรักษา ส่วนเมื่อวานที่มีภาพเหมือนแม่ตั๊กโอนเงินและสแกนหน้านั้น ตนไม่ทราบ แต่อาจจะเป็นช่วงโอนเงินให้กับพนักงานที่ร้านเพราะยังจ่ายเงินให้กับผู้เสียหายอยู่ทุกวัน

ถึงกับอึ้ง! เปิดหลักฐานค้นเจอในบ้าน ‘แม่ตั๊ก-ป๋าเบียร์’ มีทั้งปืน-ทองคำ-ตู้เซฟ

ส่วนปกติแล้วผู้ต้องหาคดีฉ้อโกงจะต้องถูกอายัดเงินแต่แม่ตั๊กยังโอนเงินได้นั้น พ.ต.ท.ปริญญา เปิดเผยว่า เขาประกอบธุรกิจหลายอย่าง ตำรวจต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าทรัพย์สินส่วนไหนที่มาจากการฉ้อโกง หากพบว่ามาจากการฉ้อโกงก็พร้อมจะอายัด ส่วนตอนนี้ได้มีการส่งรายงานบัญชีทรัพย์สินไปยัง ปปง. และมีการตั้งคณะทำงานเพื่อทำการสืบทรัพย์ หากพบเกี่ยวข้องกับการฉ้อโกงก็พร้อมดำเนินคดีโดยทันที

ผู้สื่อข่าวได้สอบถามถึงสภาพจิตใจของแม่ตั๊กและป๋าเบียร์หลังนอนคุกคืนแรกว่าเป็นอย่างไรบ้าง พ.ต.ท.ปริญญา กล่าวว่า ทั้ง 2 คนเป็นผู้ต้องหาก็นอนไม่หลับทั้งคู่

พ.ต.ท.ปริญญา กล่าวทิ้งท้ายว่า ตำรวจไม่มีการดูแลผู้ต้องหาแบบ VIP ทุกคนที่เข้ามามีพฤติการณ์เดียวกัน นอนห้องขังเหมือนกัน ไม่ได้มีการนำออกไปกินข้าวข้างนอก เพราะผู้ต้องหาทุกคนมีสิทธิได้รับการดูแลจากเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่แล้ว.