เมื่อวันที่ 29 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์​น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา​ ในฝั่งพื้นที่ จ.อุทัยธานี ภายหลังจากที่ภาคเหนือเกิดอุทกภัยในหลายจังหวัด โดยที่ล่าสุด มวลน้ำดังกล่าวได้ไหลลงสู่ต้นแม่น้ำเจ้าพระยาที่จังหวัดนครสวรรค์ จนทำให้มีระดับน้ำสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาที่ไหลผ่านพื้นที่ จ.อุทัยธานี โดยเฉพาะในพื้นที่ ต.หาดทนง เกาะเทโพ และท่าซุง อ.เมือง จ.อุทัยธานี ซึ่งเป็นพื้นที่รับมวลน้ำก่อนถึงเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท มีระดับน้ำสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีกระแสน้ำเชี่ยวแรง

โดยเช้าวันนี้ ที่สถานีวัดน้ำ C2 เมือง นครสวรรค์​ (เจ้าพระยา) มีอัตราน้ำไหลผ่านอยู่ที่ 1,934 ลบ.ม/วินาที แม่น้ำเจ้าพระยา ที่ไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท อยู่ที่ 1,899 ลบ.ม./วินาที มีระดับเหนือเขื่อน +16.04 ม.รทก.(ต่ำกว่าตลิ่ง 3.14 ม.) และมีระดับท้ายเขื่อน +14.19 ม.รทก. จากเหตุดังกล่าว ส่งผลให้เกษตรกรผู้เลี้ยงปลาในกระชังที่ตำบลเกาะเทโพ ได้รับความเดือดร้อน โดยเฉพาะน้ำมีตะกอนสีขุ่นแดง จนทำให้ปลาในกระชังทยอยตายลงวันละหลายสิบตัวต่อกระชัง ทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงปลา ต้องชักลากกระชังปลาเข้าฝั่ง เพื่อป้องกันความเสียหาย พร้อมกับจับปลาที่ได้ขนาดขายออกทันที ส่วนปลาที่ยังไม่ถึงขนาดก็ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด

ด้าน นายสุทัศ ชำนิเขตรการ ผู้จัดการ พีพี ฟาร์ม ตั้งอยู่ที่ตำบลบลเกาะเทโพ ซึ่งเป็นฟาร์มเลี้ยงปลากระชังขนาดใหญ่ที่สุดในย่านนี้ มีทั้งปลาแรดและปลาทับทิมกว่า 100 กระชัง รวมกับเกษตรกรรายอื่น ๆ ในพื้นที่อีกจำนวนหลายร้อยกระชัง กล่าว่า ขณะนี้ ปริมาณน้ำที่ไหลผ่านพื้นที่เลี้ยงปลามีปริมาณสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและมีกระแสน้ำไหลเชี่ยวแรง ส่งผลกระทบต่อกระชังปลาของตนเองและเกษตรกรรายอื่น ๆ ในพื้นที่ ปลาในกระชังเริ่มทยอยตายลงวันละหลายสิบตัวต่อกระชัง รวมแล้วหลายร้อยตัวต่อวัน

ส่วนใหญ่เป็นปลาขนาดเล็กที่ลงเลี้ยงได้ประมาณ 1 เดือน เพื่อป้องกันความเสียหาย จึงต้องชักลากกระชังปลาเข้าฝั่งให้มากที่สุด เพราะเกรงว่าจะได้รับความเสียหายไปมากกว่านี้ พร้อมกับเร่งจับปลาที่ได้ขนาด โดยเฉพาะปลาทับทิมส่งขายออกทันที ส่วนปลาที่ยังไม่ได้ขนาด หากสถานการณ์ไม่เพิ่มมากขึ้นกว่านี้ก็ยังถือว่ารับมือได้ แต่ต้องเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป.