เมื่อวันอังคารที่ 24 ก.ย.ที่ผ่านมา ONE จัดงานแถลงข่าวจัดขึ้นในรูปแบบ Virtual Press Conference โดยมีสื่อมวลชนหลายสำนักเข้าร่วมฟังการแถลง ซึ่ง “บอสชาตรี” ผู้ก่อตั้ง ประธาน และซีอีโอ วัน แชมเปียนชิพ ได้เปิดเผยถึงการยกระดับความยิ่งใหญ่ของการจัดการแข่งขัน ONE ลุมพินีที่เป็นรายการใหญ่ประจำไตรมาสของปีหน้า ในศึกใหญ่ช่วงไตรมาสสาม ONE ลุมพินี 81: ซุปเปอร์บอน vs โจ ยกทัพนักกีฬาการต่อสู้ระดับเกรดเออัดแน่นโชว์ฝีมือในคืนเดียว ถ่ายทอดสดจากสนามมวยเวทีลุมพินี (รามอินทรา) ในวันศุกร์ที่ 27 ก.ย.นี้ ตั้งแต่เวลา 19.30 น. เป็นต้นไป

“บอสชาตรี” เผยว่าปีหน้า ONE เตรียมต่อยอดความสำเร็จด้วยการจัดศึก ONE ลุมพินี รายการใหญ่ประจำไตรมาสอย่างน้อย 4 ครั้ง โดยเลือก อิมแพ็ค อารีนา เมืองทองธานี เป็นสถานที่จัดการแข่งขันเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นจากทั้งแฟนกีฬาและสปอนเซอร์ เห็นได้จากการขายบัตรเต็มทุกที่นั่งก่อนการแข่งขันทุกครั้ง

“เราได้จอง อิมแพ็ค อารีนา ไว้สำหรับปีหน้า เนื่องจากสปอนเซอร์และผู้ลงโฆษณาต้องการพื้นที่เพิ่มเติมสำหรับประชาสัมพันธ์แบรนด์ทั้งบนเวที ในสนามแข่งขัน และระหว่างการถ่ายทอดสด นี่เป็นเหตุผลสำคัญที่เราจะจัดการแข่งขันใน อิมแพ็ค อารีนา ตามความต้องการของเอเจนซีและแบรนด์ต่าง ๆ อีกอย่างคือทุกอีเวนต์ใหญ่ประจำไตรมาสของเราขายบัตรหมดเร็วมาก”

“และเรามั่นใจว่าจะสามารถขายบัตรที่ อิมแพ็ค อารีนา ได้หมดเหมือนกัน ถ้าได้จัดอีเวนต์ใหญ่ทุกไตรมาส ซึ่งเห็นได้จากความต้องการที่ผ่านมา จริง ๆ เรามีเหตุผลหลายอย่าง แต่เหตุผลหลักคือแบรนด์และเอเจนซีต้องการเวทีที่ยิ่งใหญ่กว่าปกติ เหมือนที่เราทำใน ONE รายการใหญ่ ยิ่งไปกว่านั้น เรายังสามารถขายบัตรของอีเวนต์ประจำไตรมาสหมดอย่างรวดเร็วด้วย นี่จึงเป็นโอกาสที่ดีในการถ่ายทอดสดศึก ONE ลุมพินี นัดใหญ่เป็นประจำทุกไตรมาสให้กับผู้ชมใน 195 ประเทศในช่วงไพรม์ไทม์ของเอเชีย”

“อย่างไรก็ตาม แผนการนี้ยังสามารถเปลี่ยนแปลงได้ เราอาจจัดงานที่ อิมแพ็ค 2 รอบ 6 รอบ หรือทุกเดือน แต่ปัจจุบันเรามีแผนจัดอย่างน้อย 4 รอบ ซึ่งตัวเลขนี้ยังสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์”

สำหรับศึกนัดยิ่งใหญ่ประจำไตรมาสสามของปีนี้ ONE ลุมพินี 81 เตรียมระเบิดความมันระดับปรากฏการณ์อีกครั้งด้วยการขนทัพนักกีฬาระดับคู่เอกทุกคู่มาให้ชมกัน โดยเหล่านักกีฬาในคู่ไฮไลต์ของศึกนี้ได้เปิดเผยความพร้อมล่าสุดต่อพี่น้องสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศ ก่อนขึ้นสังเวียนจริงในวันศุกร์ที่ 27 ก.ย.นี้

คู่เอก : ซุปเปอร์บอน พบ โจ ณัฐวุฒิ (มวยไทย รุ่นเฟเธอร์เวต 145-155 ป.)

ซุปเปอร์บอน : “ผมดูอยู่ตลอด โจ เป็นนักชกที่อยู่ในรุ่นเดียวกันมาหลายปีแล้ว ถ้าถามว่าอาวุธไหนที่อันตรายผมมองว่า น่าจะเป็นหมัดที่ออกได้ดีได้คม แล้วออกเป็นชุดได้ตลอด ก็ต้องระวังเรื่องหมัดของเขาเอาไว้ ถ้าถามผม ผมก็อยากเอาชนะน็อกเขาให้ได้ เพราะอยากได้โบนัสด้วย แน่นอนว่าเป้าหมายเดียวของผมคือแชมป์ ผมมาที่นี่เพื่อจะเป็นแชมป์เท่านั้น ไม่ว่าจะอีกกี่สเตป ผมก็จะเข้าไปถึงแชมป์ให้ได้ครับ”

โจ : “การชกทุกครั้งมีความเสี่ยง มีโอกาสแพ้ชนะทั้งคู่อยู่แล้ว ทุกคนมีโอกาสแพ้ชนะหมด แต่ครั้งนี้ผมแค่โฟกัสตรงนี้ก่อน ผมยังไม่ได้โฟกัสเรื่องไฟต์ต่อไป เอาไฟต์นี้ก่อน ถ้าถามเป็นเปอร์เซ็นต์ผมตอบเหมือนเดิมเสมอ ไม่สามารถบอกได้ ผมเชื่อว่าทุกคนมีโอกาสแพ้หรือชนะร้อยเปอร์เซ็นต์ทั้งหมด เกมบนเวทีอะไรก็เกิดขึ้นได้ ชัยชนะไฟต์นี้สำคัญ เพราะคนที่ชนะสมควรที่จะได้ชิงแชมป์ต่อไปครับ”

คู่รอง น้องโอ๋ ฮาม่ามวยไทย พบ เคียมรัน นาบาติ (มวยไทย รุ่นแบนตัมเวต 135-145 ป.)

น้องโอ๋ : “ผมเคยดู เคียมรัน ชกมาหลายไฟต์ เขาเป็นมวยที่อันตรายมาก มีหมัดที่น่ากลัว และมีความเร็วความคล่องตัว ผมก็วางแผนมาดี ไฟต์นี้ไม่ง่าย ต้องละเอียดทุกจังหวะ ทีมงานและตัวผมได้วางแผนว่า เราไม่ได้มีแค่จะเตะขาอย่างเดียว จะมีอาวุธหลากหลาย ส่วนเรื่องอายุไม่ได้เป็นอุปสรรค เราอายุมากขึ้น ก็ดูแลตัวเองให้ดีขึ้น ถ้ามีโอกาสที่จะน็อกเขา ผมก็จะทำให้ได้ครับ”

เคียมรัน : “ผมรู้ว่าเขามีอาวุธอันตรายและหลากหลาย น้องโอ๋ เป็นนักชกที่อันตราย ผมนับถือเขา เมื่อผมทราบว่าจะได้ชกกับเขา ผมก็เริ่มเก็บตัวซ้อมอย่างหนัก ไฟต์นี้เป็นโอกาสครั้งสำคัญ และเมื่อไฟต์นี้จบลง ผมจะโชว์ให้คนทั้งโลกเห็นว่าผมเป็นใคร ผมคิดว่าจะน็อกเอาต์ แต่ผมจะไม่หวังน็อกเพียงอย่างเดียว ผมจะทำทุกอย่างเพื่อชัยชนะ และผมพร้อมสำหรับการชกสามยกเต็ม ๆ ผมพร้อมสำหรับทุกอย่างครับ”

นาบิล อานาน พบ ซอ ลิน อู (มวยไทย รุ่นแบนตัมเวต 135-145 ป.)

นาบิล : “ก่อนอื่นผมต้องขอนับถือ พี่ซอ ลิน อู เขาแข็งแรงจริง ๆ จากที่ทุกคนเล่าลือมา แต่ว่าคนเราก็มีดีแต่ละด้านไม่เหมือนกัน ผมก็จะพยายามงัดใช้ด้านที่ได้เปรียบของตัวเองเอาชนะอีกฝ่ายหนึ่งให้ได้ ผมมีรูปแบบการชกของตัวเองที่เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ กับคู่ต่อสู้แต่ละคน ถ้าผมทำผลงานได้ตามที่ซ้อมมาก็คิดว่าน่าจะเป็นฝ่ายเก็บชัยชนะในไฟต์นี้ได้ครับ”

ซอ ลิน อู : “ผมรู้ว่าคู่ชกสูงมากกว่าผม แต่ผมจะทำให้ดีที่สุด ไฟต์นี้ผมเตรียมตัวซ้อมมาหนักกว่าไฟต์ที่แล้ว และเตรียมมาชกแบบฝีมือมากขึ้น เพราะการเจอกับ นาบิล ต้องเปลี่ยนรูปแบบการชกเล็กน้อยครับ”

(เสือแบล็ค ท.พราน49 พบ กุหลาบดำ สจ.เปี๊ยกอุทัย (มวยไทย รุ่นแบนตัมเวต 135-145 ป.)

เสือแบล็ค : “ไฟต์นี้มีความหมายมาก ผมได้ขึ้นชกกับ กุหลาบดำ บนเวทีระดับโลก ผมอยากโชว์ศักยภาพให้ทั่วโลกได้เห็น เราจะมาชกกันให้เต็มที่ เขามีทั้งหมัดและเตะที่หนัก มีอาวุธดีทั้งหมด ผมมีกำลังใจจากครอบครัว พี่น้องแฟนมวยที่ส่งกำลังใจมาให้ ลูก ๆ ให้กำลังใจ พี่น้องที่หมู่บ้าน ผมก็ต้องสู้เพื่อหลาย ๆ อย่าง ไฟต์นี้ผมยอมแพ้ไม่ได้ครับ”

กุหลาบดำ : “สำหรับผม นี่เป็นอีกหนึ่งไฟต์ที่สำคัญ สองไฟต์หลังสุด ผมทำได้ไม่ดี ครั้งนี้ผมอยากทำผลงานให้ดีที่สุด เสือแบล็ค เขามีจุดเด่นคือศอก และหมัดฮุกขวาที่อันตราย มาถึงจุดนี้แล้ว ผมมองว่าเขาเป็นนักชกที่อันตรายอีกคนหนึ่ง ผมอยากสู้เพื่อให้ทั่วโลกได้รู้ว่า มวยไทยเราเป็นเบอร์ 1 ของประเทศไทย อยากสู้เพื่อครอบครัวและลูกน้อยให้มีอนาคตที่ดีครับ”

ทาเครุ เซกาวา พบ ธานท์ ซิน (คิกบ็อกซิ่ง รุ่นฟลายเวต 125-135 ป.)

ทาเครุ : “ในการชกครั้งที่แล้ว (แพ้คะแนน ซุปเปอร์เล็ก เกียรติหมู่ 9, ONE 165) ผมได้เรียนรู้กฏกติกาและวิธีการชกใหม่ ๆ มากมาย วันศุกร์นี้ ผมจะได้มีโอกาสขึ้นมาโชว์อาวุธอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งจะแสดงให้เห็นถึงแผนการต่อสู้ที่วางมาใหม่ ผมรู้ดีว่าทาง ธานท์ ซิน เป็นคู่ชกที่ดุดัน เป็นนักมวยหมัดหนัก ทำให้ผมต้องระวังในการขึ้นชก ผมวางแผนสู้มาแล้ว แต่ขอโทษด้วยที่ไม่สามารถบอกได้”

ธานท์ ซิน : “ผมไม่เคยชกในกติกาคิกบ็อกซิ่งมาก่อน ทำให้ผมต้องเตรียมตัว เรียนรู้ และ ซ้อมมาหนักมาก ทาเครุ เป็นนักชกที่เก่งมาก เขาคือนักคิกบ็อกซิ่งที่เก่งที่สุดในโลก อย่างไรก็ตาม ผมได้วางแผนเป็นพิเศษไว้แล้ว สิ่งเดียวที่ผมจะทำในไฟต์นี้คือทำทุกอย่างตามที่พี่ชายของผมที่เป็นเทรนเนอร์เตรียมมาให้ ผมอยากจะเอาชนะในไฟต์นี้ให้ได้ เพื่อนำเงินไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่บ้านเกิด”

จ้าวเสือใหญ่ ม.กรุงเทพธนบุรี พบ สุริยันต์เล็ก พ.เย็นยิ่ง (มวยไทย พิกัดเฉพาะ (แคตช์เวต) 133 ป.)

จ้าวเสือใหญ่ : “ไฟต์นี้ผมได้สู้กับ พี่สุริยันต์เล็ก เป็นอะไรที่น่าตื่นเต้น จากการที่เคยชกมาใน ONE ลุมพินี ไฟต์นี้เป็นไฟต์ที่สำคัญ ผมเตรียมตัวมาเกือบสองเดือนกว่า ซ้อมมาอย่างหนักและเต็มที่ ได้ทำการแก้เกมและวางแผนมาแล้วด้วย ไฟต์นี้ต้องน็อกเอาต์กันแน่นอนเพราะว่า ความฝันของเราคืออยากไปชก วัน แชมเปียนชิพ ทั้งคู่ ซึ่งผมก็เป็นหนึ่งในนั้นที่อยากทำให้ได้ เราต้องมาตัดสินกันในไฟต์นี้ครับ”

สุริยันต์เล็ก : “ไฟต์นี้ผมวางแผนมาเดินสู้กับ จ้าวเสือใหญ่ แลกกันให้สนุกเร้าใจไปเลย ไม่ว่าจะชนะน็อก หรือว่าชนะคะแนน ในครั้งนี้ผมก็จะทำให้เต็มที่ที่สุด ทำให้มันสนุกและตื่นเต้น ถ้าใครเกิดผลีผลามก็มีโอกาสไม่ครบยกสูง ก่อนหน้านี้ผมอาจเคยผิดพลาดแพ้ไปบ้าง ซึ่งเกิดจากการที่ป้องกันตัวหลวมไปนิดหน่อย การชกในวันที่ 27 ก.ย.นี้ ผมจะทำการป้องกันตัวให้ดีกว่าเดิมครับ”

ไม่เพียงเท่านี้ ยังมีคู่มวยระดับเกรดเอที่นักสู้ชาวไทยร่วมแสดงฝีมืออีกหลายคู่ให้ติดตามเชียร์แบบจุใจ ได้แก่ “สามเอ ไก่ย่างห้าดาว” พบกับ “อัคราม ฮามิดี”, “ชาโด้ สิงห์มาวิน” พบ “โมฮัมหมัด เซียซารานี”, “เสือคิม สจ.โต้งปราจีน” พบ “โอทิส แว็กฮอร์น” และ “เอซากุ โอกาซาวาระ” พบ “ฤทธิเดช ส.สมหมาย”

สำหรับศึก ONE ลุมพินี 81 บัตรเข้าชมในสนามจำหน่ายหมดแล้ว หากท่านใดที่ซื้อบัตรไม่ทัน สามารถรับชมได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายผ่านทางช่อง 7HD กด 35 ออกอากาศเวลา 20.30 – 23.30 น. ส่วนทางเฟซบุ๊ก ONE Championship Thailand & ยูทูบ ONE Championship รับชมได้ตั้งแต่คู่แรกเริ่มเวลา 19.30 น. และทาง Watch.onefc.com ออกอากาศคู่แรกจนจบการแข่งขัน