เมื่อวันที่ 25 ก.ย. 2567 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณาร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ พ.ศ. … ซึ่งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญฯ ที่มี น.ส.ปิยะรัฐชย์ ติยะไพรัช สส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย เป็นประธาน กมธ. พิจารณาเสร็จแล้ว

โดยในการพิจารณาของที่ประชุม พบว่ามติเสียงข้างมากเห็นค้านกับ กมธ.เสียงข้างมากที่มีการปรับเปลี่ยนเนื้อหา ซึ่งแตกต่างไปจากเนื้อหาที่ยึดเป็นร่างหลัก ซึ่งใช้ของคณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นฉบับหลักในการพิจารณา

ทั้งนี้ที่ประชุมใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง สามารถพิจารณาผ่านการพิจารณาไปเพียง 3 มาตรา ว่าด้วยคำนิยาม และเมื่อพิจารณาในมาตรา 4 ว่าด้วยการให้รัฐมนตรีรักษาการตาม พ.ร.บ. ซึ่ง กมธ.เสียงข้างมาก ได้อำนาจ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ออก เหลือไว้เพียง รมว.วัฒนธรรม รักษาการตาม พ.ร.บ. และตัดถ้อยคำที่ระบุว่า ในส่วนที่เกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของตนเอง มีการท้วงติงจาก สส.พรรคเพื่อไทย และสส.พรรคร่วมรัฐบาลที่มองว่าการแก้ไขกฎหมายที่ผิดไปจากฉบับของ ครม. ทำให้มีปัญหาในการปฏิบัติ โดยเฉพาะการใช้งบประมาณและเจ้าหน้าที่ของรัฐ ที่เหลือเพียงกระทรวงเดียว จึงเสนอให้ถอนเนื้อหาออกไป เพื่อทบทวนให้มีการรอบคอบและรัดกุม ทำให้ น.ส.ปิยะรัฐชย์ แจ้งต่อที่ประชุมว่าขอถอนเนื้อหา

แต่ในฝั่งของ สส.พรรคประชาชน อภิปรายคัดค้านและเสนอญัตติให้สภาพิจารณาเดินหน้าในวาระสอง ต่อไป ทำให้เกิดบรรยากาศที่ตึงเครียด หลัง นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม สส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า ตนเห็นใจพรรคประชาชนและภาคประชาชนที่เสนอ ร่างกฎหมายนี้รัฐบาล พรรคประชาชนและภาคประชาชนเสนอ ดังนั้นอย่าทำลายเจตนาของผู้เสนอ ขอให้ถอนแล้วเจรจาความ สภาไม่ล่ม เพราะ 4 ปีไม่ปฏิวัติ อย่างไรก็อยู่ครบ อย่าเอาแพ้ชนะกันเลยขอให้ถอนออกไปก่อน แล้วนำกลับมา ซึ่งพรรคเพื่อไทยพร้อมจะช่วยเข็น ทุกคนมีเหตุผล อย่าชนะคะคานแล้วเอาไปทำคอนเทนต์ ขอให้เอาประโยชน์ชาติและประชาชนเป็นหลัก หากดื้อดึงกันไปจะมีปัญหา

ทำให้นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ลุกประท้วงทันที บอกว่าไม่ใช่การทำคอนเทนต์ การประชุมไม่จำเป็นต้องถอน เพราะ กมธ.ชี้แจงได้อย่างครบถ้วน ดังนั้นไม่มีความจำเป็นต้องถอน ซึ่งตนไม่รู้ว่าจะถอนเพื่อประสงค์ของใคร ดังนั้นเพื่อความยุติธรรม หากมีความเห็นไม่ตรงกันใช้สภาลงมติ อย่ามาสร้อยกันเลยที่ว่าจะทำคอนเทนต์ หรือปรามาสประธานกรรมาธิการ ทั้งนี้รัฐประหารไม่มีแน่ แต่ยุบสภา มีแน่นอน จากนั้นนายครูมานิตย์ ได้ลุกมาชี้แจงและขอถอนคำว่าทำคอนเทนต์ออก บรรยากาศจึงเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

จากนั้นที่ประชุมได้ลงมติเห็นด้วยให้ กมธ.ถอนร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ออกไป  ด้วยคะแนน  255 เสียง ต่อ 137 เสียง ทำให้ กมธ.ต้องถอนร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ พ.ศ. …  ออกไป

จากนั้นนายภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภา คนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานการประชุม ได้สั่งปิดประชุมในเวลา 18.02 น.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร่าง พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าว ถือเป็น ฉบับที่ 3 ที่ถอนออกไป ในการพิจารณาวันที่ 25 ก.ย.นี้  โดยก่อนหน้านี้คือ ร่างพ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) หรือกฎหมายห้ามตีเด็ก และร่างพ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการส่วนท้องถิ่น.